คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ยังคงอยู่ในที่ดินที่เช่ามาจากป. และโจทก์ยังมิได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปก็ตาม แต่การที่จำเลยทั้งสี่ฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินที่โจทก์ทำสัญญาเช่าจากป. ซึ่งตกมาเป็นมรดกของจำเลยทั้งสี่ เท่ากับจำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอมให้โจทก์อยู่ในที่ดินดังกล่าวตามสัญญาต่อไป เมื่อตามสัญญาเช่ากำหนดว่า หากผู้ให้เช่าต้องการที่ดินคืนโดยผู้เช่าไม่ผิดสัญญา ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทนสิ่งปลูกสร้างค่ารื้อถอน ค่าขนย้าย ตลอดจนค่าเสียหายใด ๆ ได้ การที่จำเลยทั้งสี่ฟ้องขับไล่โจทก์โดยมิได้อ้างว่าโจทก์ผิดเงื่อนไขตามสัญญาเช่าดังกล่าว จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิตามสัญญาเช่าของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเช่าดังกล่าวได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินจากนายประสิทธิ์ สอนประหยัดสัญญาเช่ากำหนดว่า หากผู้ให้เช่าต้องการที่ดินคืนโดยผู้เช่าไม่ผิดสัญญา ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทนสิ่งปลูกสร้าง ค่ารื้อถอนค่าขนย้าย ตลอดจนค่าเสียหายใด ๆ ได้ ต่อมา นายประสิทธิ์ตายจำเลยทั้งสี่เป็นผู้จัดการมรดกและได้ยื่นฟ้องขับไล่โจทก์โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ประสงค์จะให้โจทก์เช่าที่ดินอีกต่อไป และมิได้กล่าวว่าโจทก์ผิดเงื่อนไขในสัญญาดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยทั้งสี่จึงต้องชำระค่าขนย้ายให้โจทก์ 5,000 บาทค่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 5,000 บาท ค่าถมดินและค่าปรับปรุงที่ดินให้มีราคาสูงขึ้นจำนวน 80,000 บาท ค่าก่อสร้าง ค่าตบแต่งและต่อเติมบ้านจำนวน 230,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ใช้ค่าเสียหายจำนวน 320,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะยังไม่ได้รื้อถอนบ้านและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่เช่า โจทก์ยังไม่เสียหายและเรียกร้องสูงเกินไป ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ไม่จำต้องสืบพยานให้งดสืบพยาน และวินิจฉัยว่าขณะยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในขณะยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์จะยังคงอยู่ในที่ดินที่เช่าจากนายประสิทธิ์ และโจทก์ยังมิได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปก็ตาม แต่การที่จำเลยทั้งสี่ฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินที่โจทก์เช่าจากนายประสิทธิ์ที่ตกมาเป็นมรดกของจำเลยทั้งสี่ ก็เท่ากับจำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอมให้โจทก์อยู่ในที่ดินดังกล่าวตามสัญญาเช่าต่อไป จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิตามสัญญาเช่าของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเช่าดังกล่าวได้
พิพากษายืน.

Share