คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฟ้องขอหย่าขาดกับสามีโดยอ้างเหตุว่าสามีไปติดพันหญิงอื่นคือโจทก์และสามีได้ไปอยู่กินกับโจทก์อย่างเปิดเผย ดังนี้ เป็นการใช้สิทธิทางศาล ซึ่งจำเลยมีความจำเป็นจะต้องกล่าวในฟ้องให้สามีจำเลยเข้าใจข้อหาโดยชัดเจน ถือได้ว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลของคู่ความเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จึงไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริต จึงถือไม่ได้ด้วยว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ฟ้องได้บังอาจกระทำผิดต่อกฎหมายโดยยื่นคำฟ้องนายจรุง เทพเฉลิม เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วยการกล่าวคำหมิ่นประมาทโจทก์อันเป็นเท็จลงในคำฟ้องว่าจำเลยไปติดพันหญิงอื่นคือนางกรรณิการ์ (โจทก์) และได้ไปอยู่กินกับนางกรรณิการ์อย่างเปิดเผย ทั้งจำเลยพยายามหาเหตุทะเลาะวิวาทกับโจทก์ทุบตีโจทก์อยู่เนือง ๆ จำเลยไม่ยอมส่งเสียช่วยเหลือครอบครัวและบุตรเลย ทำให้โจทก์ไม่สามารถอยู่กินเป็นสามีภรรยากันได้อีกต่อไป อันเป็นการโฆษณาด้วยเอกสารป่าวประกาศ โดยการนำส่งหมายและสำเนาคำฟ้อง ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จากผู้พิพากษาผู้รับคำฟ้องและบุคคลที่สามเพราะถ้อยคำตามคำฟ้องดังกล่าวหมายความว่าโจทก์ติดพันกับนายจรุง เทพเฉลิม และได้เสียเป็นผัวเมียกัน ซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์ไม่เคยเป็นเมียและอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายจรุงดังจำเลยกล่าวในฟ้องเลยทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียเกียรติคุณ จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 326, 328, 332(2),393 และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50,000 บาท ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการสืบพยาน จึงสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งส่วนอาญาและส่วนแพ่ง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยเฉพาะปัญหาว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ได้ความตามฟ้องว่า จำเลยฟ้องสามีจำเลยเพื่อขอหย่า อ้างเหตุกล่าวถึงสามีจำเลยละทิ้งจำเลยไปติดพันและอยู่กินฉันสามีภรรยากับโจทก์หาเหตุทะเลาะวิวาททุบตีจำเลยอยู่เนือง ๆ นั้น เป็นการใช้สิทธิทางศาล ซึ่งจำเลยมีความจำเป็นจะต้องกล่าวในฟ้องให้สามีจำเลยเข้าใจข้อหาโดยชัดเจน ถือได้ว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลของคู่ความเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน อันไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 331 และ กรณีเป็นการใช้สิทธิทางศาลดังกล่าวแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริต จึงถือไม่ได้ด้วยว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นดังโจทก์ ฎีกาโต้แย้ง การกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share