คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการบริสัททำบันทึกเสนอรองประธานกัมการบริสัทขอตั้งผู้รักสาเงินอีกคนหนึ่งต่างหากจากสมุห์บันชีโดยกล่าวว่าสมุห์บันชีเปนคนไม่สามาถเพราะไม่เต็มเต็งไม่มีภูมิรู้ทางบัญชี ไม่เอาไจไส่ต่อคำแนะนำของนายกรัถมนตรีชอบทุเลาะกับพนักงานของบริสัท ต้องซื้อเข้าแดงรับประทานดังนี้ ทำโดยสุจริตเพื่อป้องกันประโยชน์ของบริสัท ย่อมได้ยกเว้นโทสตามมาตรา 283

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเปนผู้จัดการบริสัทจังหวัดพานิชจำกัดผู้เสียหายเปนสมุห์บันชีหยู่ได้บังคับบันชาของจำเลย จำเลยได้ทำบันทึกขึ้นฉบับหนึ่งถึงรองประธานกัมการบริสัทขอตั้งตำแหน่งผู้รักสาเงินของบริสัท โดยชี้แจงว่าควนตั้งผู้รักสาเงินคนหนึ่งสมุบันชีคนหนึ่ง ไม่ควนตั้นคน ๆ เดียวกันและกล่าวตอไปว่านอกจากนี้จะได้เปนเครื่องวัดสมัถภาพของสมุบันชีด้วยว่าจะมีความสามาถหรือไม่เพราะสมุบันชีของบริสัทนี้
๑.เปนคนโรคเส้นประสาท มีความไม่เต็มเต็ง
๒.เปนคนไม่มี๓ูมิทางบันชีเลย
๓.เปนคนไม่เอาไจไส่ต่อคำแนะนำของท่านนายก คือ ไม่ได้ความสดวกแก่ผู้มาติดต่อ
๔.เปนคนชอบมีเรื่องเถียงทะเลอะแก่พนักงานบริสัททุกคนจนไม่มีใครหยากพูดด้วย
๕.เปนคนไม่มีหลักถานอะไร แม้แต่ครัวก็ไม่มี ต้องซื้อเข้าแกงรับประทานทุกวัน การไห้ทำงานเกี่ยวแก่เงินทองก็ไม่น่าไว้วางใจ
สาลชั้นต้นพิพากสาว่า จำเลยได้สแดงความคิดเห็นโดยสุจริตควนได้รับยกเว้นโทสตามมาตรา ๒๘๓ (๑) พิพากสายกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า จำเลยได้กล่าวข้อความเหล่านั้นโดยสุจริตตามตำแหน่งหน้าที่ เพื่อป้องกันประโยชน์ของบริสัทจำเลยยอมได้รับความคุ้มครอง ตามบทบัญญัติมาตรา ๒๘๓ ยังไม่มีความผิด จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share