คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ระบุการกระทำที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียวกันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงานเจ้าพนักงานจึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340(คือ ใช้ปืนยิงในการปล้น)

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกันโจทก์ฟ้องมีข้อหาต้องกันว่า จำเลยกับพวกรวม 6 คน มีปืน มีด ไม้ตะบองปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปหลายอย่าง ขอให้ลงโทษ กับให้ใช้ทรัพย์

จำเลยทั้งสามปฏิเสธระหว่างสืบพยานโจทก์นายเยนจำเลยให้การใหม่ว่า ได้ต้อนกระบือไปจริงแต่ไม่ได้ขู่หรือทำร้ายผู้ใด

ศาลชั้นต้นฟังว่านายเยนจำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง ส่วนนายบุญมีนายอินทร์จำเลยพยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่าได้กระทำผิดด้วยพิพากษาว่านายเยนจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ จำคุก 20 ปี จำเลยรับมีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี ให้คืนหรือใช้ทรัพย์ราคา 15 บาท ปล่อยนายบุญมีนายอินทร์จำเลย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายบุญมีนายอินทร์จำเลยได้ร่วมกระทำผิดด้วยแต่การกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วยวรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 เพราะการปล้นสำเร็จขาดตอนเสร็จสิ้นไปแล้ว นายบุญมีนายอินทร์ยิงเจ้าพนักงานไม่เกี่ยวกับการปล้นแต่อย่างใด และไม่มีเหตุที่จะแก้ไขข้อที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้นายเยนกึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 12 ปี เฉพาะนายเยนจำเลยลดโทษกึ่งคงจำคุก 6 ปี ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15 บาทแก่ผู้เสียหาย

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสี่ นายบุญมีนายอินทร์จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาฟังว่านายบุญมีนายอินทร์จำเลยทำผิดจริง

ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ เพราะได้ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์นั้นศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนบรรยายข้อความต้องกันในข้อ 1 ว่า จำเลยปล้นทรัพย์รายนี้โดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ ฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์ระบุการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุแต่การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิดในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียวกันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัวที่จำเลยปล้นไปจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงาน ๆ จึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บ แต่หลบหนีไปได้เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัว เป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ฟ้องข้อ 2 นี้มิใช่ฟ้องที่บรรยายการกระทำอันโจทก์ถือว่าเป็นความผิด เพราะไม่ได้อ้างว่าเหตุเกิดที่ไหน ห่างไกลกับที่ปล้นกระบือตามข้อ 1 อย่างไร ทั้งไม่ได้บรรยาย ว่าจำเลยยิงเพื่อเหตุประการใดประการหนึ่งดังระบุไว้ในมาตรา 339 ข้อใดข้อหนึ่ง เหมือนเช่นที่โจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องข้อ 1 จึงไม่ใช่คำบรรยายที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามความในข้อ 2 นี้ ทั้งไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์ในการปล้นที่กล่าวไว้ในฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นฟ้องที่จะลงโทษตามวรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share