คำสั่งคำร้องที่ 8/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกาพร้อมยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นสั่งฎีกาว่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา และสั่งไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ผู้ร้องเห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวและมีคำสั่งให้รับคำร้องขอทุเลาการบังคับด้วย
หมายเหตุ โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 187 แผ่นที่ 2 และแผ่นที่ 4)
สืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์รวม 4 รายการเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย ขอให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึด ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ในฐานะผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งศาลชั้นต้นได้อนุญาต ให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ ขอให้ศาลดำเนินคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของ ผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 170,165 แผ่นที่ 6)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 183)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องฎีกาข้อ 2 ว่า ผู้พิพากษาที่ ไม่ใช่เจ้าของสำนวนเป็นผู้ทำคำสั่งคดีนี้เป็นการไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายนั้น ปรากฏว่าผู้พิพากษาที่ลงชื่อเป็นองค์คณะ ในคำสั่งต่างได้นั่งพิจารณาคดีนี้มาแล้ว ฎีกาข้อนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามท้องสำนวน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
ผู้ร้องฎีกาข้อ 3 ว่า ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัย เรื่องที่ผู้คัดค้านเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ได้หรือไม่ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาด ในเรื่องดังกล่าวเสียก่อน จึงไม่ชอบนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ในคำพิพากษาแล้ว เท่ากับเห็นว่า ไม่มีเหตุอันสมควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ฎีกาข้อนี้จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ผู้ร้องฎีกาข้อ 4 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ได้วินิจฉัยว่าผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้โจทก์และโจทก์ถอนการบังคับคดีทรัพย์ที่ยึดจึงตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ร้องแล้ว คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2จึงไม่ชอบนั้น ปัญหาที่ว่าผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้โจทก์ อย่างใดหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องยกขึ้นอุทธรณ์ โดยไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้น ฎีกาข้อนี้ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เช่นกันที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาทั้งสามข้อชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share