แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ชายเลนเพิ่งดอนเวลาน้ำขึ้นยังท่วมถึง จึงเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแม้ผู้ใดจะครอบครองนานสักเท่าใด ก็หาได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แต่ถ้าหากบุคคลอื่นเข้ามาปลูกสร้างทำการใด ๆ เป็นการขัดขวางต่อเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ย่อมถือว่าเจ้าของที่ดินนั้นเป็นผู้เสียหายพิเศษ และเป็นโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้ผู้ที่ขัดขวางสิทธิของตนระงับการขัดขวางหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้
ย่อยาว
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่งอกริมตลิ่งติดต่อกับที่ดินของโจทก์โฉนดที่ ๗๒๐ ขอให้จำเลยรื้อโรงเคี่ยวน้ำตาลและโรงที่ลูกจ้างอาศัย ห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องและใช้ค่าเสียหาย ๕๐๐ บาท
สำนวนที่ ๒ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานปักหลักรุกที่ดินโฉนดที่ ๗๒๐ ของโจทก์ ขอให้ถอนหลักและห้ามไม่ให้เกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่าโจทก์ซื้อที่โฉนดจากจำเลยที่ ๒ ตกลงกันว่าที่งอกริมแม่น้ำ จำเลยไม่ขายจำเลยครอบครองมา ๑๐ ปีแล้ว สำนวนที่ ๒ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้นำชี้เข้าไปในเขตต์ที่ดินของโจทก์ และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่งอกเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่และให้เสียค่าเสียหาย ๕๐๐ บาท แต่ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะค่าเสียหายให้เพียง ๕ บาท ผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่าที่งอกที่น้ำท่วมถึงยังเป็นที่ชายตลิ่งอยู่ หาใช่ที่งอกไม่ แม้จำเลยจะไม่ได้เถียงว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ควรยอมให้ที่สาธารณสถานเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ที่ว่าโจทก์ครอบครองก็ฟังไม่ได้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ว่าเป็นที่ชายเลนเพิ่ง+เวลาน้ำขึ้นยังท่วมถึง จำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าที่มีสภา+อย่างอื่นนอกจากที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จึงต้อฟังว่าที่ตอนนี้เป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แม้โจทก์หรือจำเลยจะได้ครอบครองนานสักเท่าใด ก็หาได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง แต่ถ้าบุคคลอื่นเข้ามาปลูกสร้างทำการใด ๆ ให้เป็นการขัดขวางต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินย่อมถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายเป็นพิเศษ และโจทก์อาจเรียกร้องให้ผู้ที่ขัดขวางสิทธิของตนระงับการขัดขวางหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นฉะนั้นถ้าสิ่งปลูกสร้างอยู่ในเส้นที่วัดจากจุดที่กากะบาดไว้ในแผนที่ ก็ให้จำเลยรื้อถอนไป ส่วนค่าเสียหายให้ใช้ ๑๕ บาท