คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า ‘พยานโจทก์ที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเท็จ’ นั้นเป็นการวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ตามที่นำสืบมา ไม่มีมูลในความผิดฐานฟ้องเท็จนั่นเอง ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อสำคัญในคดีสำหรับความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 คือ หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง การเอาเช็คไปขอแลกเงินสด มิใช่เป็นการหลอกลวงให้ส่งทรัพย์ ถึงโจทก์จะกระทำตามที่จำเลยเบิกความ โจทก์ก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงดังนั้น แม้จำเลยจะรู้ว่าเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเช็คที่โจทก์นำมามอบให้จำเลยเกี่ยวกับการเล่นการพนันสลากกินรวบ แล้วจำเลยมาเบิกความว่าเป็นเช็คที่โจทก์นำไปขอแลกเงินสดจากจำเลยข้อที่จำเลยเบิกความดังกล่าวแม้จะเป็นความเท็จ ก็มิใช่เป็นข้อสำคัญในคดีสำหรับความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๑๗๗, ๙๐, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฟ้องเท็จ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่นั้นศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ว่า ‘พยานโจทก์ที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเท็จ’ เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ตามที่นำสืบมาไม่มีมูลในความผิดฐานฟ้องเท็จนั่นเอง จึงไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแต่อย่างใด และปัญหาที่ว่าคำเบิกความของจำเลยในคดีฉ้อโกงเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้น โจทก์ฟ้องความว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีหมายเลขดำที่๑๕๖๒/๒๕๒๕ (คดีหมายเลขแดงที่ ๒๘๕๗/๒๕๒๖) ของศาลอาญา โดยเบิกความว่าโจทก์นำเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวัตร เลขที่ ๐๒๓๘๔๙๙ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ จำนวนเงิน ๑๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งนายสมชาย เปรมปริก เป็นผู้สั่งจ่ายไปขอแลกเงินสดจากจำเลย และโจทก์ได้รับเงินตามเช็คไปจากจำเลยแล้วซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงโจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวไปมอบให้จำเลยพร้อมด้วยเอกสารการเล่นการพนันสลากกินรวบ ในฐานะที่โจทก์เป็นคนกลางระหว่างจำเลยกับผู้มีชื่อ โดยโจทก์มีหน้าที่ติดต่อหาคนมาเล่นสลากกินรวบซึ่งจำเลยก็ทราบดี ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อสำคัญในคดีสำหรับความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ คือ หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงแต่การเอาเช็คไปขอแลกเงินสด มิใช่เป็นการหลอกลวงให้ส่งทรัพย์ถึงโจทก์จะกระทำตามที่จำเลยเบิกความ โจทก์ก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ดังนั้นแม้จำเลยจะรู้ว่าเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเช็คที่โจทก์นำมามอบให้จำเลยเกี่ยวกับการเล่นการพนันสลากกินรวบ แล้วจำเลยมาเบิกความว่าเป็นเช็คที่โจทก์นำไปขอแลกเงินสดจากจำเลย ข้อที่จำเลยเบิกความดังกล่าวแม้จะเป็นเท็จ ก็มิใช่เป็นข้อสำคัญในคดีสำหรับความผิดฐานฉ้อโกง
พิพากษายืน.

Share