คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15866/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดนั้นเกิดขึ้นเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่วันที่มีการให้กู้ยืมเงินด้วยการทำสัญญากันและจำเลยเรียกดอกเบี้ยจากผู้เสียหายเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด หาใช่ความผิดต่อเนื่องตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเลยยังคงเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราอยู่และผู้เสียหายแต่ละคนได้ผ่อนชำระดอกเบี้ยนั้นดังที่โจทก์ฎีกาไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 25 กันยายน 2551 เกินกว่า 5 ปี นับแต่วันกระทำผิดสำเร็จ จึงเป็นอันขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 95 (4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1447/2551 ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 (1) วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 3 (ก)) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 11 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 44 เดือน นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1447/2551 ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ยกฟ้องข้อ 1.4, 1.5, 1.7, 1.8, 1.9, 1.10, 1.11, 1.15 ถึง 1.24, 1.26, 1.27, 1.29 ถึง 1.31, 1.33, 1.34 และ 1.36
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง เขต 3 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า ความผิดตามฟ้องข้อ 1.1, 1.2, 1.3, 1.4, 1.5, 1.6, 1.7, 1.19, 1.20, 1.25, 1.29, 1.32, 1.36 และ ข้อ 1.9 ถึง 1.14, 1.17, 1.22, 1.23, 1.26, 1.28, 1.30, 1.34, 1.35 ขาดอายุความหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่าความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ไม่ใช่เป็นความผิดเฉพาะตอนทำสัญญากู้ยืมเงินเท่านั้น แต่เป็นความผิดต่อเนื่องตราบเท่าที่มีการผ่อนชำระดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด หรือตราบเท่าที่จำเลยยังคงเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอยู่นั่นเอง เมื่อนับถึงวันที่ผู้เสียหายแต่ละคนชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 5 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ เห็นว่า ความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดนั้นเกิดขึ้นเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่วันที่มีการให้กู้ยืมเงินด้วยการทำสัญญากันและจำเลยเรียกดอกเบี้ยจากผู้เสียหายเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด หาใช่ความผิดต่อเนื่องตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเลยยังคงเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราอยู่และผู้เสียหายแต่ละคนได้ผ่อนชำระดอกเบี้ยนั้นดังที่โจทก์ฎีกาไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 25 กันยายน 2551 เกินกว่า 5 ปี นับแต่วันกระทำผิดสำเร็จ จึงเป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (4) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share