คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ได้วางหลักให้พิจารณาความผิดและลงโทษจำเลยตามกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำการอันถูกกล่าวหานั้น แม้ถึงว่าได้มีการยกเลิกกฎหมายนั้นแล้วก็ตาม มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 3 ก็ให้พิจารณาใช้กฎหมายใหม่เฉพาะแต่เมื่อเป็นคุณแก่จำเลยเท่านั้น ถ้ากฎหมายใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย ก็ยังให้ใช้กฎหมายเก่าบังคับคดี
อัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งทำลายต้นยางพาราซึ่งปลูกโดยมิได้รับอนุญาตและขอให้บังคับเสียค่าใช้จ่ายในการทำลายนั้นได้ คำขอเช่นว่านี้เป็นคำขอทางอาญาหาใช่คำขอทางแพ่งไม่

ย่อยาว

คดีนี้ ได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยบังอาจแผ้วถางป่าและบังอาจตัดฟันไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตเป็นการทำลายทรัพยากรของชาติเสียหาย 49,679.00 บาท ทั้งจำเลยบังอาจเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐซึ่งจำเลยแผ้วถางนั้นโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาต และบังอาจปลูกยางพาราใหม่ลงในที่ดินดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาตเช่นกัน ขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายต่าง ๆ ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ แต่ให้ลงโทษจำเลยฐานแผ้วถางป่าตัดฟันไม้หวงห้ามตาม พระราชบัญญัติ ป่าไม้ 2484 มาตรา 72, 73 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) 2494 มาตรา 17 ซึ่งเป็นบทหนักและเป็นคุณแก่จำเลย ให้จำคุก 6 เดือนปรับ 500 บาท ลงโทษฐานยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ปรับ 500 บาท และฐานปลูกยางไม่ได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติควบคุมยาง 2481 มาตรา 15 ปรับ 500 บาท ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือนปรับ 750 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้สั่งทำลายต้นยาง ให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 11, 16, 17 ให้ทำลายต้นยางปลูกใหม่โดยฝ่าฝืนกฎหมายเสียด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 และ 3 แล้ว เห็นได้ว่ามาตรา 2 วรรคหนึ่ง ได้วางหลักว่าให้พิจารณาความผิดของจำเลยและลงโทษจำเลยตามกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำการอันถูกกล่าวหานั้นและแม้ถึงว่าได้มีการยกเลิกกฎหมายนั้นเสียแล้ว มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 3 ก็ให้พิจารณาใช้กฎหมายใหม่เฉพาะแต่เมื่อเป็นคุณแก่จำเลยเท่านั้น ถ้ากฎหมายใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยก็ยังให้ใช้กฎหมายเก่าบังคับคดีเพราะมาตรา 2 วรรคหนึ่ง ก็ดี หรือมาตรา 3 ก็ดี คงรับรองให้ใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำการอันเป็นความผิด (หรือกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย) นั้นอยู่ ฉะนั้นในคดีนี้ เมื่อพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 เป็นกฎหมายใหม่และไม่เป็นคุณแก่จำเลยซึ่งตามหลักดังกล่าวข้างต้นศาลจะต้องพิจารณาลงโทษจำเลยตามกฎหมายเก่า กรณีก็ไม่อาจเป็นดังที่โจทก์อ้างว่ากฎหมายเก่าได้ถูกยกเลิกเสียแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น

ตามประเด็นข้อ 2 ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2481 มาตรา 15 ได้บัญญัติเรื่องทำลายต้นยางและเรื่องออกค่าใช้จ่ายไว้เป็นเรื่องเดียวกัน การบังคับให้เสียค่าใช้จ่ายย่อมเป็นวิธีการส่วนหนึ่งของการบังคับให้ทำลายต้นยาง ต้องบังคับควบคู่กันไป มิฉะนั้นจะบังคับให้การทำลายต้นยางเป็นผลสมบูรณ์ไม่ได้ จึงจะแยกคำขอให้เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวออกมาเป็นคำขอทางแพ่งหาได้ไม่ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น

พิพากษาแก้ ให้ทำลายต้นยางที่จำเลยปลูกใหม่โดยการฝ่าฝืนนั้นและให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายตามพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2481 มาตรา 15 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share