แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 1 ได้วางหลักให้พิจารณาความผิดและลงโทษจำเลยตามกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำการอันถูกกล่าวหานั้น แม้ถึงว่าได้มีการยกเลิกกฎหมายนั้นแล้ก็ตาม มาตรา 2 วรรค 2 และมาตรา 3 ก็ให้พิจารณาใช้กฎหมายใหม่เฉพาะแต่เมื่อเป็นคุณแก่จำเลยเท่านั้น ถ้ากฎหมายใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย ก็ยังให้ใช้กฎหมายเก่าบังคับคดี
อัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งทำลายต้นยางพาราซึ่งปลูกโดยมได้รับอนุญาต และขอให้บังคับเสียค่าใช้จ่ายในการทำลายนั้นได้ คำว่าขอเช่นว่านี้ เป็นคำขอทางอาญาหาใช่คำขอทางแพ่งไม่
ย่อยาว
คดีนี้ ได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยบังอาจแผ้วถางป่าและบังอาจตัดฟันไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาต เป็นการทำลายทรัพยากรของชาติเสียหาย ๔๙,๖๗๙.๐๐ บาท ทั้งจำเลยบังอาจเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐซึ่งจำเลยแผ้วถางนั้นโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาตและบังอาจปลูกยางพาราใหม่ลงในที่ดินดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาตเช่นกัน ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายต่าง ๆ ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ แต่ให้ลงโทษจำเลยฐานแผ้วถางป่าตัดฟันไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ ๒๔๘๔ มาตรา ๗๒, ๗๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) ๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ ซึ่งเป็นบทหนักและเป็นคุณแก่จำเลย ให้จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท ลงโทษฐานยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๑๐๘ ปรับ ๕๐๐ บาท และฐานปลูกยางไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง ๒๔๘๑ มาตรา ๑๕ ปรับ ๕๐๐ บาท ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๓ เดือน ปรับ ๗๕๐ บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้สั่งทำลายต้นยาง ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๑, ๑๖, ๑๗ ให้ทำลายต้นยางปลูกใหม่โดยฝ่าฝืนกฎหมายเสียด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒ และ ๓ แล้ว เห็นได้ว่ามาตรา ๒ วรรค ๑ ได้วางหลักว่าให้พิจารณาความผิดของจำเลยและลงโทษจำเลยตามกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำการอันเป็นความผิด (หรือกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย) นั้นอยู่ ฉะนั้น ในคดีนี้ เมื่อพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นกฎหมายใหม่และไม่เป็นคุณแก่จำเลยซึ่งตามหลักดังกล่าวข้างต้น ศาลจะต้องพิจารณาลงโทษจำเลยตามกฎหมายเก่า กรณีก็ไม่อาจเป็นดังที่โจทก์อ้างว่ากฎหมายเก่าได้ถูกยกเลิกเสียแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น
ตามประเด็นข้อ ๒ ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๑๕ ได้บัญญัติเรื่องทำลายต้นยางและเรื่องออกค่าใช้จ่ายไว้เป็นเรื่องเดียวกัน การบังคับให้เสียค่าใช้จ่ายย่อมเป็นวิธีการส่วนหนึ่งของการบังคับให้ทำลายต้นยาง ต้องบังคับควบคู่กันไป มิฉะนั้น จะบังคับให้การทำลายต้นยางเป็นผลสมบูรณ์ไม่ได้ จึงจะแยกคำขอให้เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวออกมาเป็นคำขอทางแพ่งหาได้ไม่ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น