คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องที่โจทก์ให้จำเลยเช่าหรือที่โจทก์ให้จำเลยอาศัย แต่เป็นคดีที่ฟ้องขับไล่จำเลย ในฐานที่จำเลยฉวยโอกาสเข้าอยู่ในห้องพิพาทแทนผู้เช่าเดิมซึ่งตาย โดยจำเลยไม่มีอำนาจ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยซึ่งเป็นน้องผู้เช่าได้ย้ายทะเบียนสำมะโนครัว เป็นผู้อยู่ในห้องพิพาทก่อนผู้เช่าตาย 1 ปีเศษ แต่จำเลยไม่ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับผู้เช่า จำเลยเพิ่งมาปรนนิบัติผู้เช่าเมื่อผู้เช่าป่วยและตาย การกระทำของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าซึ่งอาศัยอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าขณะผู้เช่าตาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ มาตรา 17

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งอยู่ห้องแถวไกล้ห้องพิพาท ได้ช่วยพยาบาลผู้เช่าพิพาท เมื่อผู้เช่าห้องพิพาทตาย จำเลยได้ฉวยโอกาสเข้าอยู่ในห้องพิพาท และจำเลยได้เอาชื่อเข้ามาอยู่ในสำมะโนครัว ห้องพิพาทเพื่อใช้สิทธิเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าเดิมและเพื่อโต้แย้งสิทธิกับโจทก์โดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นน้องผู้เช่าเดิม และอยู่ร่วมกับผู้เช่าเดิมในห้องพิพาท จนกระทั่งผู้เช่าเดิมตาย และจำเลยได้แสดงความจำนงขอเช่าห้องพิพาทเป็นหนังสือไปยังโจทก์ในกำหนด ๓๐ วันแล้ว จำเลยมีสิทธิเช่าห้องพิพาทต่อไปได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ มาตรา ๑๗ ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นคนในครอบครัวของผู้เช่าเดิม และได้แสดงความจำนงตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ มาตรา ๑๗ภายใน ๓๐ วันแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยโต้แย้งฎีกาโจทก์ว่า ฎีกาโจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๔ วรรค ๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องที่โจทก์ให้จำเลยอาศัย แต่เป็นคดีที่ฟ้องขับไล่จำเลยในฐานที่เข้ามาอยู่ในห้องโจทก์ โดยไม่มีอำนาจ จึงจัดว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยไม่ใช่บุคคลในครอบครัวของผู้เช่าเดิมซึ่งอาศัยอยู่ในห้องพิพาทขณะผู้เช่าตาย ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ มาตรา ๑๗ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยได้ย้ายทะเบียนสำมะโนครัว เป็นผู้มาอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ก่อนผู้เช่าเดิมตายเป็นเวลา ๑ ปีเศษ แต่ตัวจำเลยไม่ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับผู้เช่าเดิม จำเลยเพิ่งมาปรนนิบัติผู้เช่าเดิมในเวลาบ่าย และถึงแก่ความตายนั้นเอง การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยจำเลยได้เข้ามาอยู่อาศัยร่วมกับผู้เช่าเดิมในห้องพิพาท ลำพังแต่จำเลยซึ่งเป็นน้องผู้เช่าเดิม แจ้งย้ายทะเบียนสำมะโนครัวเข้าอยู่ในห้องพิพาท หาได้ก่อให้เกิดสิทธิที่จะเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าเดิมซึ่งอาศัยอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าขณะผู้เช่าเดิมตายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯมาตรา ๑๗ ไม่ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท

Share