คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นซึ่งรวมใจความได้ว่า จำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตลอดมาเป็นเวลา 15-16 ปีแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ดังนี้ แม้จะยอมฟังตามข้อฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยยกที่พิพาทให้โจทก์ มิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่โจทก์ก็ยังได้สิทธิทางครอบครองมานานเกินกว่า 10 ปี เห็นได้ชัดว่าปัญหาข้อกฎหมายประการนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย และไม่เป็นเหตุที่จะกระทำให้จำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีขึ้นมาได้ ศาลฎีกามีอำนาจไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเดิมที่พิพาทเป็นของจำเลย ๆ ยกให้โจทก์และภรรยาโจทก์ โจทก์และภรรยาได้ครอบครองเป็นเจ้าของมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว บัดนี้จำเลยจะเอาที่พิพาทไปขายผู้อื่น จึงขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ๆ ได้ครอบครองตลอดมาไม่เคยยกให้โจทก์

ศาลชั้นต้นเชื่อว่า จำเลยได้ยกที่พิพาทให้โจทก์และภรรยาโจทก์จริง และโจทก์ได้ครอบครองเพื่อตนมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา 4 ข้อ คือ

1. จำเลยได้ยกที่พิพาทให้โจทก์แล้วจริงหรือไม่

2. หากจะฟังว่าได้มีการยกให้กันจริง แต่มิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

3. ใครเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท

4. หากฟังว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทจริงแล้ว เป็นการครอบครองเพื่อตนหรือครอบครองแทนจำเลย

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พิพาทกันด้วยทรัพย์ราคา 3,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2499 มาตรา 25

ฎีกาข้อ 1-3-4 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ส่วนฎีกาข้อ 2 แม้จะเป็นข้อกฎหมาย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งรวมใจความว่าจำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์และภรรยาโจทก์ และฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนตลอดมาเป็นเวลา 15-16 ปีแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ดังนี้ แม้จะยอมรับฟังตามข้อฎีกาของจำเลยว่าการยกให้ในเบื้องต้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่โจทก์ก็ยังได้สิทธิทางครอบครองมานานเกินกว่า 10 ปี เห็นได้ชัดว่าปัญหาข้อกฎหมายประการนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย และไม่เป็นเหตุที่จะกระทำให้จำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีขึ้นมาได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 242(1) และ มาตรา 247 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2499 มาตรา 22-24

พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share