คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกจับกุมในวันเวลาเกิดเหตุเดียวกันในข้อหาร่วมกันบุกรุกและมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองพนักงานอัยการได้แยกฟ้องคดีร่วมกันบุกรุกเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย6เดือนส่วนคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อนคดีดังกล่าวให้จำคุก6เดือนรอการลงโทษ2ปีและคุมความประพฤติไว้การที่จำเลยมิได้ไปรายงานตัวในครั้งที่3ถึงครั้งที่5ในคดีนี้ก็เพราะเหตุถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำจึงไม่เป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดและกรณีมิใช่จำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกหลังจากที่มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้วศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีนี้จากรอการลงโทษเป็นให้ลงโทษที่รอไว้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา57หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 62, 106 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33 ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยคุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ2 ครั้งต่อเดือน ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ของกลางริบ
ต่อมาพนักงานคุมประพฤติรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 6 เดือน ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยแล้ว จำเลยไม่คัดค้านจึงมีคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษโดยจำเลยไม่ผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ไปรายงานตัวแล้ว 2 ครั้งแต่เนื่องจากในระหว่างการคุมความประพฤติจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ที่เรือนจำ เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถไปรายงานในครั้งที่ 3ถึงครั้งที่ 5 ได้ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยถูกจับกุมในวันเวลาเกิดเหตุเดียวกันในข้อหาร่วมกันบุกรุกและมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครอง แต่พนักงานอัยการได้แยกฟ้องเป็นคดีร่วมกันบุกรุกและต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 เดือน ส่วนคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อนคดีดังกล่าวให้จำคุก 6 เดือน โดยรอการลงโทษ 2 ปี และคุมความประพฤติไว้เห็นว่าที่จำเลยมิได้ไปรายงานตัวในครั้งที่ 3 ถึงครั้งที่ 5ก็เพราะเหตุถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ มิได้จงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด และกรณีมิใช่จำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกหลังจากที่มีคำพิพากษาในคดีแล้ว
พิพากษากลับเป็นว่า โทษจำคุกคงให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเดิมก่อนแก้ไขเปลี่ยนแปลง

Share