แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คู่ความท้ากันขอให้ถือเอาผลการรังวัดที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ไม่อาจรังวัดได้เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้เข้าไปในที่ดินเพื่อรังวัด เมื่อคำท้ามิได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 แพ้คดีในกรณีนี้ศาลจึงไม่อาจชี้ขาดตามคำท้าได้ แต่ศาลชอบที่จะสั่งให้ช่างรังวัดทำการรังวัดใหม่และห้ามจำเลยขัดขวางการรังวัดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7251 จำเลยทั้งเจ็ดเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่26477 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2532 จำเลยได้บุกรุกนำหลักไม้มาปักกั้นรั้วลวดหนาม เข้ามาในที่ดินโจทก์ประมาณ4 เมตร ตลอดแนวเขตโดยเจตนาแย่งการครอบครองที่ดินขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วลวดหนามและออกจากที่ดินโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ห้ามจำเลยโต้แย้งคัดค้านในการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดลงหลักเขตให้จำเลยร่วมกันและแทนกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 42,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินภายในเส้นสีแดงของโจทก์
จำเลยทั้งเจ็ดให้การว่า จำเลยไม่เคยบุกรุกเข้าไปในที่ดินโจทก์จำเลยปักหลักไม้ กั้นลวดหนามในเขตที่ดินจำเลย โจทก์ไม่เสียหายขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยานคู่ความท้ากันให้ช่างรังวัดทำการรังวัดที่ดินของโจทก์ และรังวัดที่ดินของจำเลยว่า เขตที่พิพาทอยู่ในโฉนดที่ดินของใครและเท่าไร โดยขอให้ถือโฉนดที่ดินเลขที่ 7251 ซึ่งเป็นโฉนดดั้งเดิมทำการรังวัดและรังวัดโดยวิธีปูโฉนดทั้งนี้คู่ความขอสละประเด็นในคดีทุกข้อและท้าประเด็นตามที่ช่างรังวัดจะรังวัดได้เป็นข้อแพ้ชนะในคดีโดยไม่ติดใจสืบพยาน สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้ช่างออกไปทำการรังวัดแล้ว แต่การรังวัดขัดข้องเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่ยินยอมให้เข้าไปทำการรังวัดในที่ดินของตน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดรื้อถอนรั้วลวดหนามและออกไปจากที่ดินโจทก์เนื้อที่ 89 ตารางวา ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะที่เกี่ยวกับที่พิพาทเนื้อที่ 54 ตารางวา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และจำเลยทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้ทำการชี้สองสถาน โจทก์จำเลยทั้งเจ็ดได้สละประเด็นข้อพิพาททั้งหมด และท้ากันขอให้ถือเอาผลการรังวัดของเจ้าพนักงานเป็นหลักในการชี้ขาด ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2532 ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้มีหนังสือที่ สค.0020/1546 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2533 แจ้งว่านางเฮียง เถื่อนใหญ่ จำเลยที่ 1 ไม่ยินยอมให้เข้าไปในที่ดินเพื่อทำการรังวัดจึงมีเหตุขัดข้อง มีปัญหาแรกที่จะวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งเจ็ดเกี่ยวกับคำท้าที่ว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดแพ้คดีตามคำท้าเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถรังวัดที่พิพาทเพื่อชี้ขาดว่าที่พิพาทอยู่ในโฉนดที่ดินของโจทก์หรือจำเลย แม้จะได้ความว่าเหตุขัดข้องในการรังวัดเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่รายละเอียดคำท้ามิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า กรณีเช่นนี้ให้ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ดังนั้นผลของคำท้าจึงไม่มีผลให้ศาลชี้ขาดตามคำท้าได้ แต่ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณียังสามารถที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าได้ โดยศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้ช่างรังวัดทำการรังวัดใหม่อีกและห้ามมิให้จำเลยขัดขวางการรังวัด ที่ศาลล่างทั้งสองอาศัยคำท้ามาวินิจฉัยชี้ขาดย่อมไม่ชอบ”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปให้เป็นไปตามคำท้า