คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำงานรับจ้างจำเลยมา 11 ปี 3 เดือนแล้วลาออกโจทก์มีสิทธิได้รับเงินสมทบทุนตามข้อบังคับของจำเลยจำเลยต่อสู้คดีด้วยเหตุข้อเดียวว่า โจทก์ต้องทำงานรับจ้างจำเลย 12 ปีจึงจะมีสิทธิรับเงินสมทบทุน ดังนี้ เมื่อข้อบังคับของจำเลยมีความว่า’ในกรณีที่พนักงานผู้ที่ทำงานมากับบริษัทเกินกว่าสิบปีแล้วลาออกก่อนเกษียณอายุโดยเหตุจำเป็นและพนักงานผู้นั้นได้ทำความดีไว้แก่บริษัทเป็นอย่างมากบริษัทอาจจะพิจารณาจ่ายเงินทุนครบเกษียณอายุให้ก็ได้ทั้งนี้แล้วแต่ดุลพินิจของบริษัท’ โจทก์ซึ่งทำงานมาเกินกว่า10 ปีก็ต้องได้รับเงินสมทบทุนจากจำเลย เพราะจำเลยไม่เคยให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์มิได้ทำความดีอย่างมากไว้แก่ บริษัท อันจะเป็นเหตุให้จำเลยใช้ดุลพินิจไม่จ่ายเงินสมทบทุนแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ที่ 1 ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ที่ 1 เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเคยทำข้อตกลงที่จะจ่ายเงินสมทบเงินทุนครบเกษียณอายุสำหรับลูกจ้างที่ลาออกเมื่อทำงานมาครบ 10 ปีโจทก์ที่ 1 ทำงานมาแล้ว 11 ปี 3 เดือนจึงลาออกมีสิทธิได้รับเงินสมทบดังกล่าวจำเลยไม่ยอมจ่ายให้ โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ที่ 2 ที่ 3 เป็นลูกจ้างประจำ โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ทำงานติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปี แล้วถูกจำเลยเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด โจทก์ที่ 2 ที่ 3 มีสิทธิได้รับเงินสมทบทุนแต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินสมทบทุนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ที่ 1 ลาออกและนับแต่วันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 2 ที่ 3 จนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า ตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลยมีข้อตกลงที่จะจ่ายเงินสมทบทุนแก่พนักงานเมื่อทำงานมากับบริษัทครบ 12 ปี โจทก์ที่ 1 ฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 ทำงานกับบริษัทจำเลยมา 11 ปี 3 เดือน จึงไม่อยู่ในข้อตกลงที่จะจ่ายเงินสมทบทุนให้ได้จำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 2 ที่ 3 เนื่องจากจำเลยต้องปรับปรุงกิจการประกอบกับภาวะทางเศรษฐกิจของจำเลยตกต่ำ จึงจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานบางส่วน ตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลยไม่มีข้อตกลงที่จะต้องจ่ายเงินสมทบทุนให้แก่ลูกจ้างในกรณีที่บริษัทเลิกจ้างขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินสมทบทุนแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ 1

โจทก์ที่ 1 และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามฟ้องของโจทก์ที่ 1 มีข้อความว่าโจทก์ที่ 1 ทำงานรับจ้างจำเลยมา 11 ปี 3 เดือน มีสิทธิได้รับเงินสมทบทุนตามกฎข้อบังคับของจำเลย จำเลยต่อสู้คดีด้วยเหตุข้อเดียวว่า ตามกฎข้อบังคับดังกล่าวโจทก์ต้องทำงานรับจ้างจำเลย 12 ปีจึงจะมีสิทธิรับเงินสมทบทุน กฎข้อบังคับของจำเลยมีข้อความว่า “ในกรณีที่พนักงานผู้ที่ทำงานมากับบริษัทเกินกว่าสิบปีแล้วลาออกก่อนครบเกษียณอายุโดยเหตุจำเป็น และพนักงานผู้นั้นได้ทำความดีไว้แก่บริษัทเป็นอย่างมาก บริษัทอาจจะพิจารณาจ่ายเงินทุนครบเกษียณอายุให้ก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ดุลพินิจของบริษัท” เมื่อโจทก์ที่ 1 ทำงานรับจ้างจำเลยมาเกินกว่า 10 ปี โจทก์ที่ 1 ก็ต้องได้รับประโยชน์คือได้รับเงินสมทบทุนจากจำเลยตามกฎข้อบังคับดังกล่าว จำเลยไม่เคยให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ที่ 1 มิได้ทำความดีอย่างมากไว้แก่บริษัท อันจะเป็นเหตุให้จำเลยใช้ดุลพินิจไม่จ่ายเงินสมทบทุนแก่โจทก์ที่ 1 ดังนั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 ทำงานรับจ้างจำเลยมาเกินกว่าสิบปีแล้วลาออก ต้องได้รับเงินสมทบทุนตามกฎข้อบังคับของจำเลย

โจทก์ที่ 2 ที่ 3 รับจ้างจำเลยมาเกิน 10 ปี เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 2 ที่ 3 จึงเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎข้อบังคับซึ่งกำหนดไว้ว่า “หากเป็นการจำเป็นที่จะต้องเลิกจ้างพนักงานผู้ใด ฯลฯ หากพนักงานผู้นั้นมีสิทธิที่จะได้รับเงินทุนครบเกษียณอายุ บริษัทก็จ่ายเงินทุนรายนี้ให้ไปคราวเดียวกัน” กฎข้อบังคับชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อจำเลยให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ออกจากงานโดยโจทก์ทั้งสองมีคุณสมบัติที่จะได้รับเงินทุนครบเกษียณอายุอยู่ด้วย จำเลยก็ต้องจ่ายเงินสมทบทุนให้แก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายเงินสมทบทุนแก่โจทก์ที่ 1 สำหรับดอกเบี้ยตามสำนวนไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ได้ให้คำเตือนแก่จำเลยเมื่อใด หรือจำเลยผิดนัดเมื่อใด จึงให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์ที่ 1 นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share