คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจสมคบกันฆ่า ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายไม่
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร่าฟันผู้ตายถึงแก่ตามความโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้บังอาจสมคบกันฆ่านายเขียว นวลศรี โดยใช้มีดพร้าฟันนายเขียวถึงแก่ความตายทันที ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายปี มีทอง จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นฟันนายเขียวผู้ตาย จำเลยอื่นมิได้ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาว่านายปีจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้ลงโทษจำคุก ๒๐ ปี
นายปี มีทองจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีฟังได้ชัดว่านายปีจำเลยได้ใช้พร้าฟันนายเขียวคอขาดตายทันที แต่เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องไม่มีข้อความจำเลยมีเจตนาฆ่าให้ตายแม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่า เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ พิพากษาแก้เป็นว่า นายปีจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
โจทก์และจำเลยฎีกา
คดีมาสู่ศาลฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ได้หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ที่นายปีจำเลยเป็นความผิดตามมาตรานี้แล้ว ทั้งฟ้องของโจทก์ก็บรรยายว่า ได้บังอาจสมคบกันร่วมกันฆ่า ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว แตกต่างกับ ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตาย โดยผู้ทำร้ายมิได้มีเจตนาฆ่าดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๙๐ หาจำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้นายเขียวตายไม่ เห็นว่าฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share