คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา245 เมื่อบังคับคดีแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะกรณีเช่นนี้ต้องนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ มิฉะนั้นคำพิพากษาของศาลก็ไร้ผล
แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะแต่ก็ได้กล่าวไว้ว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด 1 มาใช้บังคับ ดังนั้น การจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพและอนามัย โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2484 มาตรา 8, 68 เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5/2500 และขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าต่อไปด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง ลดรับกึ่งแล้วคงลงโทษปรับ 50 บาท ไม่ชำระ กักขังแทน ห้ามจำเลยประกอบกิจการค้าต่อไปจนกว่าจะได้รับอนุญาต

คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยยังคงประกอบกิจการค้าต่อไป โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสาธารณสุขมาตรา 68 บัญญัติแต่ให้ศาลสั่งห้ามเท่านั้น มิได้บัญญัติต่อไปว่าให้ศาลจัดการอย่างไรต่อไปเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติ คำสั่งห้ามของศาลนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาคดีอาญา เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะก็ต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบังคับ ถ้าในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้การบังคับในคดีอาญานั้นได้มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วคือในภาค 6 หมวดที่ 1 มาตรา 245 ถึงมาตรา 251 ตามมาตรา 249 เป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้วว่าให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับได้ในเรื่องใดบ้าง แสดงให้เห็นว่าในการบังคับตามคำพิพากษาคดีอาญานั้นให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้ได้เฉพาะเรื่องที่กำหนดไว้ในมาตรา 249 เท่านั้น นอกจากเรื่องที่กำหนดไว้ จะนำมาใช้บังคับไม่ได้ เมื่อไม่มีกฎหมายให้ศาลบังคับจำเลยได้ จึงไม่มีทางที่จะบังคับจำเลยได้ตามที่โจทก์ขอ ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของโจทก์ และบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลพิพากษาห้ามจำเลยมิให้ประกอบกิจการค้าต่อไปนั้น เป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 แต่ศาลยังไม่ได้ออกคำบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์จึงได้ยื่นคำร้องว่าจำเลยยังประกอบกิจการค้าอยู่ ขอให้ศาลบังคับจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วย เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดี ศาลชอบที่จะบังคับคดีตามคำร้องของโจทก์ เมื่อบังคับคดีแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการในขั้นต่อไป กรณีเช่นนี้นำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับได้ มิฉะนั้นคำพิพากษาของศาลก็ไร้ผล

ที่จำเลยฎีกาว่าการบังคับห้ามมิให้จำเลยประกอบอาชีพ เป็นการบังคับที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติสาธารณสุขพ.ศ. 2484 มาตรา 68 ให้อำนาจศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยประกอบการค้าต่อไปได้ และศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยจะมาคัดค้านในชั้นนี้ไม่ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตราใดนั้น เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะ แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด 1 มาใช้บังคับ ส่วนจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share