คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายไปขึ้นเงินจากธนาคาร เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ถือว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว อายุความการฟ้องคดีในความผิดดังกล่าวจึงต้องนับตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธ การจ่ายเงินการที่โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินใหม่ในภายหลังตามที่จำเลยขอร้องนั้น มิใช่เป็นการระงับความผิดที่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) และการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คครั้งที่สองไม่ถือว่ามีความผิดเกิดขึ้นใหม่อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็ค ๒ ฉบับ ให้โจทก์เป็นการชำระหนี้โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้ มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า เมื่อโจทก์นำเช็คทั้งสองฉบับไปขอขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินนั้น ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว แต่จำเลยขอให้โจทก์นำเช็คสองฉบับนี้ไปขึ้นเงินจากธนาคารอีกครั้งหนึ่ง และโจทก์ตกลงตามนั้น จึงเป็นการยอมความกันอันเป็นเหตุให้ความผิดระงับไป ครั้นต่อมาโจทก์นำเช็คสองฉบับนี้ไปขอขึ้นเงินจากธนาคารอีกตามที่ตกลงกัน เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินอีกความผิดจึงเกิดขึ้นใหม่และนับอายุความจากวันที่เกิดความผิดครั้งหลังนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์นำเช็คสองฉบับนี้ไปขอขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงิน เข้าลักษณะแห่งความผิดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ แล้ว ถือได้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว อายุความการฟ้องคดีในความผิดดังกล่าวจึงต้องนับตั้งแต่วันที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินการที่โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินใหม่ตามที่จำเลยขอร้องนั้น เป็นการทำตามคำขอร้องของจำเลยเพื่อให้มีการใช้เงินตามเช็คอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น มิใช่เป็นการระงับความผิดที่เกิดขึ้น จึงไม่เป็นการยอมความตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๒) การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินครั้งที่สองเนื่องจากโจทก์นำเช็คไปขอขึ้นเงินจากธนาคารอีกครั้งหนึ่งตามคำขอร้องของจำเลยนั้น ไม่ถือว่ามีความผิดเกิดขึ้นใหม่อีก เพราะการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตั้งแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในครั้งแรกแล้ว จะเกิดเป็นความผิดซ้ำขึ้นมาอีกหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์นับอายุความตั้งแต่วันที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินครั้งแรก และวินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน

Share