แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สัญญาประกันภัยค้ำจุนคือสัญญาซึ่งผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นต่อบุคคลภายนอกต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเมื่อโจทก์ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยและไม่ปรากฏว่าโจทก์มีนิติสัมพันธ์อันใดกับผู้เอาประกันภัยในอันที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของโจทก์ต่อบุคคลภายนอกโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายเป็นค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกคืนได้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ได้รับ ประกันภัย รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน1ช-3645 กรุงเทพมหานคร ของ นางสาว นลินี พงศ์ศิริพัฒน์ เพื่อ คุ้มครอง ความเสียหาย ของ รถยนต์ และ ความรับผิด ของ ผู้ขับขี่ ต่อบุคคลภายนอก โจทก์ ได้ ขับ รถยนต์ ของ นางสาว นลินี คัน ที่ เอา ประกันภัย ไว้ กับ จำเลย โดย ความ ยินยอม ของ นางสาว นลินี ด้วย ความประมาท ของ โจทก์ เอง เป็นเหตุ ให้ เฉี่ยว ชน นาย สมศักดิ์ จันทร์เต็ม ซึ่ง กำลัง เดิน ข้าม ถนน จน กระโหลก ศีรษะ แตก ร้าว ได้รับ อันตรายสาหัส พนักงานอัยการ ได้ ยื่นฟ้องโจทก์ ต่อ ศาล ใน ข้อหา ขับ รถยนต์ โดยประมาท เป็นเหตุ ให้ ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัส โจทก์ ให้การรับสารภาพ และ ได้ ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่นาย สมศักดิ์ ผู้เสียหาย แล้ว เป็น เงิน 80,000 บาท โดย ที่ โจทก์ ได้ ขับ รถยนต์ ของ นางสาว นลินี คัน ที่ เอา ประกันภัย ไว้ กับ จำเลย ดังกล่าว โจทก์ จึง มีสิทธิ ที่ จะ เรียกร้อง ให้ จำเลย ซึ่ง เป็น ผู้รับประกันภัย ชดใช้ เงิน ที่ โจทก์ จ่าย ให้ แก่ นาย สมศักดิ์ ไป ขอให้ บังคับ จำเลย ชดใช้ เงิน แก่ โจทก์ จำนวน 80,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง เพราะ โจทก์ ไม่ใช่ คู่สัญญากับ จำเลย เงิน 80,000 บาท ที่ โจทก์ จ่าย ไป ไม่ใช่ ค่าเสียหาย ที่อยู่ใน เงื่อนไข ตาม สัญญาประกันภัย โจทก์ ขับ รถยนต์ โดย ไม่ได้ รับ ความ ยินยอมจาก นางสาว นลินี และ ไม่มี ใบอนุญาต ขับ รถยนต์ จำเลย จึง ไม่ต้อง รับผิด ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชดใช้ เงิน จำนวน 80,000 บาท แก่ โจทก์พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี ขึ้น มา สู่ การ พิจารณา ของ ศาลฎีกาเฉพาะ ใน ปัญหาข้อกฎหมาย ว่า โจทก์ มีอำนาจ ฟ้อง ให้ จำเลย รับผิด ชดใช้เงิน ให้ โจทก์ หรือไม่ ใน การ วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ดังกล่าว ศาลฎีกา ต้อง ถือตาม ข้อเท็จจริง ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง รับฟัง มา ว่า นางสาว นลินี พงศ์ศิริพัฒน์ เป็น เจ้าของ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 1ช-3645กรุงเทพมหานคร และ ได้ เอา ประกันภัย ไว้ กับ จำเลย ตาม กรมธรรม์ประกันภัยเอกสาร หมาย จ. 2 เมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม 2531 โจทก์ ได้ ขับ รถยนต์คัน ดังกล่าว โดย ความ ยินยอม ของ นางสาว นลินี ด้วย ความประมาท เฉี่ยว ชน นาย สมศักดิ์ จันทร์เต็ม จน ได้รับ อันตรายสาหัส กระโหลก ศีรษะ แตก ร้าว และ เมื่อ วันที่ 30 ธันวาคม 2531 โจทก์ ได้ ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่นาย สมศักดิ์ เป็น เงิน 80,000 บาท ขณะ เกิดเหตุ อยู่ ใน อายุ สัญญา ประกันภัย และ ใบอนุญาต ขับ รถยนต์ ของ โจทก์ หมด อายุ แต่ โจทก์ มี ใบอนุญาตขับขี่ รถยนต์ ของรัฐ แคลิฟอร์เนีย ประเทศ สหรัฐอเมริกา ซึ่ง ยัง ไม่ หมด อายุ ตาม เอกสาร หมาย จ. 5 โจทก์ ฎีกา ว่า โจทก์ ฟ้อง จำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสาร หมาย จ. 2 ข้อ 2.8 ซึ่ง คุ้มครอง ผู้ขับขี่เสมือน หนึ่ง ว่า โจทก์ เป็น ผู้เอาประกันภัย เอง โจทก์ ได้ เรียก ให้ จำเลยชำระ ค่าสินไหมทดแทน ให้ แก่ ผู้เสียหาย แล้วแต่ จำเลย ปฏิเสธ โจทก์ จึงชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่ ผู้เสียหาย ไป จำเลย ใน ฐานะ ผู้รับประกันภัยค้ำจุน จึง ต้อง รับผิด ชดใช้ เงิน คืน ให้ โจทก์ พิจารณา กรมธรรม์ประกันภัย เอกสาร หมาย จ. 2 แล้ว มี ลักษณะ เป็น สัญญาประกันภัย ค้ำจุนซึ่ง ตาม มาตรา 887 วรรคแรก แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่า “อัน ว่า ประกันภัยค้ำจุน นั้น คือ สัญญาประกันภัย ซึ่ง ผู้รับประกันภัย ตกลง ว่า จะ ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน ใน นาม ของ ผู้เอาประกันภัยเพื่อ ความ วินาศภัย อัน เกิดขึ้น แก่ บุคคล อีก คนหนึ่ง และ ผู้รับประกันภัยจะ ต้อง รับผิดชอบ ” ซึ่ง ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าว ผู้รับประกันภัยจะ ต้อง รับผิด ใน ความ วินาศภัย ที่ เกิดขึ้น ก็ ต่อเมื่อ ผู้เอาประกันภัยต้อง รับผิดชอบ แต่ คดี ของ โจทก์ นี้ เป็น กรณี ที่ โจทก์ เป็น ผู้กระทำ ละเมิดแต่ ผู้เดียว และ โจทก์ ก็ ไม่ใช่ เป็น ผู้เอาประกันภัย ไว้ กับ จำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสาร หมาย จ. 2 หมวด 2 การ คุ้มครอง ความรับผิดต่อ บุคคลภายนอก ข้อ 2.8 มี ข้อความ ว่า “การ คุ้มครอง ผู้ขับขี่บริษัท จะ ถือว่า บุคคล ใด ซึ่ง ขับขี่ รถยนต์ โดย ได้รับ ความ ยินยอม จากผู้เอาประกันภัย เสมือน หนึ่ง เป็น ผู้เอาประกันภัย เอง ” นั้น หมายความ ว่านอกจาก ผู้รับประกันภัย จะ รับผิด ใน กรณี ที่ ผู้เอาประกันภัย มิได้เป็น ผู้กระทำ ละเมิด แต่ ผู้อื่น เป็น ผู้กระทำ ละเมิด โดย ผู้ นั้น ได้ขับ รถยนต์ คัน ที่ เอา ประกันภัย ไว้ โดย ความ ยินยอม ของ ผู้เอาประกันภัยเท่านั้น หา ได้ หมายความ ถึง ว่า ให้สิทธิ แก่ โจทก์ เข้า สวม สิทธิ ของผู้เอาประกันภัย ไม่ เมื่อ โจทก์ ไม่ได้ เป็น คู่สัญญา กับ จำเลย และข้อเท็จจริง ก็ ไม่ปรากฏ ว่า โจทก์ มี นิติสัมพันธ์ อัน ใด กับ ผู้ เอาประกันภัย ใน อัน ที่ ผู้เอาประกันภัย จะ ต้อง รับผิด ใน การ ทำละเมิดของ โจทก์ โจทก์ จึง ไม่มี นิติสัมพันธ์ กับ จำเลย ไม่มี อำนาจฟ้อง ให้ จำเลยรับผิด ชดใช้ เงิน ที่ โจทก์ จ่าย เป็น ค่าเสียหาย ให้ แก่ นาย สมศักดิ์ ผู้เสียหาย คืน ได้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก ฟ้องโจทก์ ชอบแล้ว ฎีกา ของโจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน