คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิพาทเดิมเป็นของนายฮกโป๊หรือโป๊ะแต่ผู้เดียว แม้ในชั้นต้นเจ้าของเดิมจะมีเจตนาเพียงเพื่อให้ผู้ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนได้รับความสะดวกก็ตาม แต่เมื่อต่อมาที่ดินดังกล่าวได้กลายสภาพเป็นหลายเจ้าของ โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินที่กลายสภาพมานั้นคนละแปลง และผู้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงของจำเลยมาก่อนจำเลยก็ใช้ขอนขวางทางหรือถนนเพียงเพื่อห้ามไม่ให้ใช้ยวดยานผ่านเพราะจะทำให้ท่อระบายน้ำและถนนเสียหาย แต่ไม่ห้ามผู้คนที่ใช้ทางหรือถนนสายนี้สัญจรไปมา ดังนี้เมื่อโจทก์และผู้ที่อยู่ริมทางหรือถนนพิพาทใช้ทางหรือถนนพิพาทมาหลายสิบปีแล้ว ทางหรือถนนพิพาทจึงตกเป็นทางภาระจำยอมในการที่จะใช้เป็นทางเดิน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 3793 จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 2228 ที่ดินรายนี้อยู่ใน ซอยปราโมทย์ ตำบลสุริยวงศ์ จังหวัดพระนคร ที่ดินจำเลยถูกแยกเป็น 2 แปลงมีถนนผ่ากลาง กว้าง 4 เมตร ยาว 20 เมตร โจทก์กับบริวารและบุคคลอื่นได้ใช้ถนนนี้เดินเข้าออกมาเกินกว่า 10 ปี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2497 จำเลยได้ใช้เสาปักกันและเอาสังกะสีมาปิดเป็นรั้วกั้นขวางถนนเสียเว้นช่องว่างไว้เพียง 65 ซ.ม. เป็นเหตุให้โจทก์กับบริวารกับบรรดาผู้ที่อยู่ในที่ดินด้านหลังที่ดินของจำเลยเดินเข้าออกไม่สะดวก จึงขอให้ศาลแสดงว่าถนนทางเดินในที่ดินจำเลยเป็นทางภาระจำยอม ให้จำเลยรื้อรั้วให้จำเลยนำโฉนดไปจดทะเบียนภารจำยอมทางเดิน ถ้าจำเลยไม่สามารถไปจดทะเบียนได้ก็ขอให้สั่งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนภารจำยอมลงในโฉนดที่ 2228 ต่อไป

จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินของจำเลยไม่เคยถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 แปลงทางเดินนั้นจำเลยทำใช้เป็นการภายในสำหรับบรรดาผู้เช่าที่ดินของจำเลย บุคคลอื่นไม่มีสิทธิที่จะใช้ทางนี้ได้ ทางนี้ไม่ใช่ภารจำยอม ฯลฯ

ศาลแขวงพระนครใต้ฟังข้อเท็จจริงว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วสังกะสีที่ปิดกั้นทางนี้ออกให้หมด ให้จำเลยนำโฉนดที่พิพาทไปจดทะเบียนภารจำยอม ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า นายฮกโป๊หรือโป๊ะทำทางหรือถนนเพื่อให้ผู้ที่อยู่ในที่ดินของตนใช้ ไม่ได้แบ่งแยกออกจากโฉนด แม้ในภายหลังที่ดินจะตกเป็นของผู้อื่นและจำเลย ๆ ก็ได้ปักเสาวางขอนขวางทางหรือถนนไว้เป็นการสงวนสิทธิของจำเลย ผู้ที่เดินข้ามขอนไม้เป็นแต่เพียงอาศัยเดินชั่วครั้งคราว ไม่ก่อให้เกิดภารจำยอมตามกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าเจตนาในการทำทางหรือถนนรวมทั้งการขออาศัยเดินหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์และผู้อื่นที่อยู่ริมทางหรือถนนสายพิพาทนี้ใช้ทางหรือถนนสายพิพาทออกไปสู่ถนนสีลมมากว่า 10 ปีแล้วทางรายพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมตามกฎหมาย

แม้ในชั้นต้นนายฮกโป๊หรือโป๊ะเจ้าของเดิมจะมีเจตนาเพียงเพื่อให้ผู้ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนได้รับความสะดวกก็ตาม แต่เมื่อที่ดินกลายสภาพเป็นหลายเจ้าของ และผู้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 2228 ก่อนจำเลยก็ใช้ขอนขวางทางหรือถนนเพียงเพื่อห้ามไม่ให้ใช้ยวดยานผ่านเพราะจะทำให้ท่อระบายน้ำและทางหรือถนนเสียหาย ส่วนผู้คนที่ใช้ทางหรือถนนสายนี้สัญจรไปมาหาได้ห้ามหวงไม่ โจทก์และผู้ที่อยู่ริมทางหรือถนนพิพาทใช้ทางหรือถนนพิพาทมาหลายสิบปีแล้ว ทางหรือถนนพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมในการที่จะใช้เป็นทางเดินพิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share