แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามบทบัญญัติมาตรา987และมาตรา988แห่งป.พ.พ.บุคคลผู้ออกเช็คหรือทำตราสารดังกล่าวก็คือผู้สั่งจ่ายโดยทั่วๆไปอาจจะเห็นว่าธนาคารเป็นผู้พิมพ์แบบฟอร์มเช็คออกเป็นเล่มๆให้แก่ผู้มีบัญชีฝากเงินกับธนาคารแต่ที่เป็นดังนั้นมิใช่หมายความว่าธนาคารเป็นผู้ออกเช็คแต่ธนาคารกระทำขึ้นแทนผู้สั่งจ่ายเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สั่งจ่ายในการใช้และกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจึงทำเป็นแบบพิมพ์ในรูปเดียวกันแต่โดยเนื้อแท้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้วผู้สั่งจ่ายเป็นผู้ออกเช็คหรือทำตราสารนั้น(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่1017/2507)โดยเหตุนี้เช็คพิพาทจะเป็นเช็คออกมาแต่ต่างประเทศหรือไม่จึงอยู่ที่ว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้สั่งจ่ายเช็คภายในประเทศหรือสั่งจ่ายเช็คที่ต่างประเทศเป็นสำคัญหาใช่ดูว่าธนาคารตามเช็คอยู่ณ ที่ใดเป็นสำคัญไม่ดังนั้นเมื่อจำเลยที่1ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทในประเทศไทยแม้ธนาคารเจ้าของเช็คจะอยู่ต่างประเทศเช็คพิพาทจึงมิใช่เช็คที่ออกมาแต่ต่างประเทศตามมาตรา989วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสาขาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์เป็นผู็ทรงเช็คธนาคารอินโดสุเอช ประเทศฝรั่งเศล จำนวน 3 ฉบับ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือสั่งจ่ายให้จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์และมีบัญชีเงินฝากกระแสรายวันอยู่กับธนาคารโจทก์สาขากรุงเทพมหานครได้ลงชื่อสลักหลังและนำเช็คทั้งสามฉบับมาขายให้แก่โจทก์ โจทก์ได้รับซื้อไว้ เมื่อเช็คถึงกำหนดนำไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็คทั้งสามฉบับพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 256,045.31บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า เช็คทั้งสามฉบับจำเลยที่ 2 ลักไปจากจำเลยที่ 1 แล้วปลอมชื่อผู้สั่งจ่าย เช็คทั้งสามฉบับเป็นเช็คที่ออกในต่างประเทศ เมื่อเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์มิได้ทำคำคัดค้าน จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็ค ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย และวินิจฉัยว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่ออกมาแต่ต่างประเทศ เมื่อโจทก์มิได้ทำคำคัดคานโจทก์ย่อมสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาแล้ววินิจฉัยใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีการวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่าเช็คพิพาททั้งสามฉบับเป็นเช็คที่ออกมาแต่ต่างประเทศตามบทบัญญัติมาตรา 989 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เห็นว่าตามบทบัญญัติมาตรา 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้ระบุไว้ว่า อันเช็คนั้นต้องมีรายการดังต่อไปนี้ คือ
(1) คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค
(2) …………….
(3) …………….
(4) …………….
(5) …………….
(6) วันและสถานที่ออกเช็ค
(7) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย
และตามมาตรา 987 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยได้บัญญัติว่าอันว่าเช็คนั้นคือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่าผู้รับเงิน
เมื่อพิเคราะห์บทบัญญัติทั้งสองมาตรานี้แล้วก็เป็นอันได้ความว่า บุคคลผู้ออกเช็คหรือทำตราสารดังกล่าวก็คือผู้สั่งจ่ายนั่นเอง โดยทั่ว ๆ ไปอาจจะเห็นว่าธนาคารเป็นผู้พิมพ์แบบฟอร์มเช็คออกเป็นเล่ม ๆ ให้แก่ผู้มีบัญชีฝากเงินกับธนาคาร แต่ที่เป็นดังนั้นมิใช่หมายความว่าธนาคารเป็นผู้ออกเช็ค แต่ธนาคารกระทำขึ้นแทนผู้สั่งจ่ายเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สั่งจ่ายในการใช้ และกันความผิดผลาดที่อาจเกิดขึ้น จึงทำเป็นแบบพิมพ์ในรูปเดียวกัน แต่โดยเนื้อแท้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว ผู้สั่งจ่ายเป็นผู้ออกเช็คหรือทำตราสารนั่นเทียบตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2507คดีระหว่างพนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์นางละม่อม นาคปรีชา จำเลยซึ่งวินิจฉัยไว้ว่า บุคคลใดทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะที่กล่าวไว้ในมาตรา 987,988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วก็เป็นเช็ค เมื่อผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้ผู้ออกเช็คก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 โดยเหตุนี้เช็คพิพาทจะเป็นเช็คออกมาแต่ต่างประเทศหรือไม่ จึงอยู่ที่ว่าผู้สั่งจ่ายเช็คภายในประเทศหรือสั่งจ่ายที่ต่างประเทศเป็นสำคัญ หาใช่ดูว่าธนาคารตามเช็คอยู่ ณ ที่ใดเป็นสำคัญไม่ คดีนี้จำเลยที่ 1 รับอยู่ว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ยังมีประเด็นที่โจทก์จำเลยจะต้องนำสืบตามฟ้องและข้อต่อสู้ของตนอีกหลายประการ
พิพากษายืน.