คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาตรา 107 บัญญัติว่า ‘เมื่อผู้บังคับบัญชา หรือ ก.พ. ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือ มาตรา 105 แล้ว ผู้ถูกสั่งลงโทษเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น’ แต่ขณะนี้ยังมิได้มีการจัดตั้งศาลปกครอง กรณีจึงต้องบังคับตามมาตรา 120 ซึ่งบัญญัติว่าสำหรับการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา 107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ ดังนั้น ผู้ถูกลงโทษจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีตามมาตรา 107.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 3 สังกัดสำนักงานป.ป.ป. จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าให้โจทก์ออกจากราชการตามมาตรา 86 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน ฯ อ.ก.พ.ของจำเลยที่ 3 และอ.ก.พ.สำนักนายกรัฐมนตรีให้โจทก์ออกจากราชการตามมาตรา 98 จำเลยที่ 3จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากราชการแต่จำเลยที่ 2 รายงานจำเลยที่ 1 ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการจำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 3ปลดโจทก์ออกจากราชการโจทก์อุทธรณ์คำสั่งจำเลยที่ 1 ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์เห็นว่ามติและคำสั่งลงโทษโจทก์นั้นไม่ถูกขั้นตอนและไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลเพิกถอนมติของจำเลยที่ 2 ให้รายงานจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 3 เปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ให้โจทก์ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่สั่งการให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการตามมติของจำเลยที่ 2 และคำสั่งของจำเลยที่ 3 ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่าเมื่อสำนักงานป.ป.ป. ได้มีคำสั่งที่ส.ร.0801/5116 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2522ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการนั้นโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อเลขาธิการก.พ.และก.พ. (จำเลยที่ 2) ได้พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้วเสนอนายกรัฐมนตรี (จำเลยที่ 1) สั่งการนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์
ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่ากรณีของโจทก์ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2518มาตรา 107 ซึ่งบัญญัติว่า ‘เมื่อผู้บังคับบัญชาหรือก.พ.ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือมาตรา 105 แล้วผู้ถูกสั่งลงโทษเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น’ แต่ปรากฏว่าขณะนี้ยังมิได้มีการจัดตั้งศาลปกครองกรณีจึงต้องบังคับตามมาตรา 120 ซึ่งบัญญัติว่าสำหรับการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกลงโทษจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีตามมาตรา 107 ดังที่ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2520 ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share