แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ครอบครองที่ดินมีลักษณะเป็นการครอบครองเพื่อตนอย่างเป็นเจ้าของ แม้จะเข้าใจว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่ความเป็นจริงเป็นที่ดินมีโฉนด ก็ถือได้ว่าเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เมื่อครอบครองเกินกว่า 10 ปี ที่ดินจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 7 ไร่ 56 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง และมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 7 ไร่ 56 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 2407 ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา พื้นที่ภายในกรอบสีเขียวตามผลการรังวัดลงวันที่ 13 มิถุนายน 2543 เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองว่า ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ผู้คัดค้านทั้งสองนำสืบว่า นายแก้วบิดาผู้คัดค้านทั้งสองได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยการให้ผู้อื่นเช่าที่ดินทำประโยชน์ตลอดมาตั้งแต่ได้รับโอนชำระหนี้จำนองจากนางทิมมารดาผู้ร้องเมื่อปี 2525 ผู้ร้องไม่เคยเกี่ยวข้องและไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ปรากฏตามสำเนาคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกของศาลว่า นายแก้วบิดาผู้คัดค้านทั้งสองถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2537 นับแต่ได้รับโอนที่ดินจากนางทิมจนกระทั่งถึงแก่ความตาย นายแก้วบิดาผู้คัดค้านทั้งสองได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 ติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี โดยตามพฤติการณ์แห่งการครอบครองดังกล่าวมีลักษณะเป็นการครอบครองเพื่อตนอย่างเป็นเจ้าของในความเป็นจริง แม้จะเป็นการครอบครองโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ถือได้ว่าเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายแก้วบิดาผู้คัดค้านทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินดังกล่าวที่ตกทอดแก่ผู้คัดค้านทั้งสองและได้ครอบครองที่ดินสืบสิทธิต่อมาจึงได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินสืบต่อจากบิดาผู้คัดค้านทั้งสอง ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2407 ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.