คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 จ้างให้จำเลยที่ 2 พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกไปจอดรออยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหาย ซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลักจากที่เก็บมากองไว้ บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 3 บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ 2 จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟส่วนจำเลยที่ 1 อยู่ที่รถบรรทุก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วจะได้ขนไม้ทั้งหมด ขึ้นบรรทุกรถพาหนีไป แต่ตำรวจมาตรวจพบและจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กระทำการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน การกระทำผิดของจำเลยที่ 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้มีคนร้ายลักไม้กระดาน 18 แผ่น ราคา 500 บาท ของนายสดาห์มัด ซึ่งเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟไปโดยทุจริต เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้ 18 แผ่นที่ถูกลักไปเป็นของกลาง ทั้งนี้โดยจำเลยได้ร่วมกันลักไม้ดังกล่าวไป หรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับไม้ดังกล่าวไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 13

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), 86 ลงโทษจำคุกคนละ 8 เดือน

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ได้ติดต่อกับจำเลยที่ 2 และที่ 1 ให้นำรถไปบรรทุกไม้ที่บ้านพักคนงานรถไฟ จำเลยที่ 3 เป็นคนงานรถไฟ และไม้ของผู้เสียหายก็ได้ฝากเก็บไว้ที่ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟ และจำเลยที่ 3 ก็รู้อยู่แล้วว่าไม้ดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายพฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 3 เป็นตัวการในการลักไม้ของผู้เสียหาย

สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 3 จ้างให้จำเลยที่ 2 พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกไปจอดรถรออยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหาย ซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลักจากที่เก็บมากองไว้บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 3 บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีก จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ 2 จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟ ส่วนจำเลยที่ 1 อยู่ที่รถบรรทุก

วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รู้เรื่องถึงการที่จำเลยที่ 3 ทำการลักไม้โดยจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตในการที่จะมาช่วยเหลือขนไม้ที่จำเลยที่ 3 ทำการลักไป และในระหว่างที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รอที่จะเอาไม้ที่จำเลยที่ 3 ทำการลักไปนั้น เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวเสียก่อน และพบไม้ของกลางกองอยู่ยังมิได้ทันขนเอาไป และในระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 รอจะบรรทุกไม้นั้น ก็ได้ความว่าจำเลยที่ 3 จะเข้าไปขนไม้ออกมาอีก อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำรถยนต์ไปรอบรรทุกไม้อยู่ในขณะที่จำเลยที่ 3 ลักไม้ออกมาได้บางส่วนแล้ว และกำลังเข้าไปลักไม้ส่วนที่เหลือออกมาอีก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการลักแล้ว จะได้ขนไม้ทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกรถยนต์พาหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กระทำการลักไม้กระดานของผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 3

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share