แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้รับมรดกของ ย. ตามพินัยกรรม ย่อมมีส่วนได้เสียที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของ ย. ได้ เมื่อจำเลยมีสิทธิได้รับที่ดินของ ย. เพียง 30 ไร่ แต่จำเลยครอบครองทำนาอยู่ 130 ไร่ จำเลยไม่เคยทำบัญชีทรัพย์แจ้งให้ญาติพี่น้องทราบ ทั้งยังเคยฟ้องโจทก์ว่าลักข้าวของจำเลย และเหตุที่จำเลยนำคดีต่าง ๆ มาฟ้อง เพราะจำเลยประสงค์จะได้ที่ดินมากกว่าที่มีสิทธิ จำเลยจึงได้ชื่อ ว่า เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวการและมิได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอันควรแก่การไว้วางใจของทายาท สมควรที่จะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ย..
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายยอด เพชรแอซึ่งเกิดจากนางตึก เพชรแอ จำเลยเป็นบุตรนางเรียมพี่สาวโจทก์เป็นหลานของนายยอด เพชรแอ ได้ยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของนายยอดเพชรแอ โดยอ้างว่าเป็นบุตรของนายยอดโดยมิได้ให้บุตรของนายยอดทราบศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกนายยอดได้ทำพิพนัยกรรมเกี่ยวกับมรดกและตั้งนายอำเภอชุมแสงเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยไม่อยู่ในอันดับทายาทที่จะเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายยอด เพชรแอ
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นบุตรของนายอด เพชรแอ เจ้ามรดกศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้มีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายยอด เพชรแอ ก่อนศาลมีคำสั่งไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน หลังจากศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วโจทก์และทายาทอื่นไม่ได้อุทธรณ์คำสั่ง ่คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไม่ใช่ทายาท ไม่มีอนำาจฟ้องขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายยอด เพชรแอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาคม 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว จำเลยเป็นผู้รับมรดกของนายยอดตามพินัยกรรม ย่อมมีส่วนได้เสียที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของนายยอดได้ แม้ว่าจะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกหรือไม่ก็ตาม คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า จำเลยสมควรถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่ อันผู้จัดการมรดกนั้นย่อมเป็นตัวแทนของทายาททั้งปวง ในอันที่จะรวบรวมทรัพย์มรดกมาแบ่งปันแก่ทายาทมีหน้าที่ที่จะกระทำการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเมื่อได้รับความยินยอมของตัวการจะเข้าทำนิติกรรมอันใดในนามของตัวการทำกับตัวเอง ในนามของตัวเองหรือในฐานเป็นตัวแทนของบุคคลภายนอกหาได้ไม่อันเป็นหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 805 จะต้องกระทำากรเพื่อตัวการคือทายาททุกคน ไม่นึกถึงประโยชน์ตนหรือบุคคลอื่น และพึงปฏิบัติเสมือนหนึ่งทายาททั้งหลายกระทำการด้วยตนเอง แต่ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่านายยอดเจ้ามรดกมีที่ดินจำนวน 330 ไร่ ตามพินัยกรรมยกที่ดินให้จำเลยเพียง 30 ไร่ แต่ขณะนี้จำเลยครอบครองทำนาจำนวน 130 ไร่ ซึ่งเกินกว่าที่มีสิทะิตามพินัยกรรม จำเลยไม่เคยทำบัญชีทรัพย์แจ้งให้ญาติพี่น้องทราบ นอกจากนี้ยังเคยฟ้องโจทก์ว่าลักข้าวของจำเลยที่ศาลจังหวัดพิจิตรและศาลจังหวัดนครสวรรค์ และเหตุที่จำเลยนำคดีต่าง ๆมาฟ้อง เพราะจำเลยประสงค์จะได้ที่ดินมากกว่าจำนวน 30 ไร่ ตามที่พินัยกรรมกำหนด จำเลยจึงได้ชื่อว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อตัวการและมิได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอันควรแก่การไว้วางใจของทายาท…”
พิพากษายืน.