แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แผ่นซีดีรอมซึ่งเป็นแผ่นซีดีประเภทหนึ่งอันเป็นวัตถุที่สามารถนำมาใช้ทำเป็นวัสดุโทรทัศน์ได้ แต่ซีดีรอมแผ่นใดจะมีลักษณะครบถ้วนที่จะถือว่าเป็นวัสดุโทรทัศน์ตามกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บันทึกหรืออัดลงในวัสดุดังกล่าวว่า จะมีผลทำให้แผ่นซีดีรอมนั้นสามารถจัดถ่ายทอดออกเป็นภาพหรือเสียง หรือทั้งภาพและเสียงได้ในลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยอุปกรณ์อื่นซึ่งเป็นลักษณะของวัสดุโทรทัศน์ตามความหมายของคำว่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์แห่งบทกฎหมายดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาจากสิ่งที่บันทึกหรืออัดลงไปในแผ่นซีดีรอมแต่ละแผ่นเป็นสำคัญ เมื่อคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าแผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นวัสดุโทรทัศน์ และจำเลยให้การรับสารภาพก็ย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่า แผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามคำฟ้องมีสภาพเป็นวัสดุโทรทัศน์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด
แผ่นซีดีภาพยนตร์ลามก่อให้เกิดความเสียหายต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 เวลากลางวัน จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไมโครซอฟต์ ของบริษัทไมโครซอฟต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เสียหายที่ 1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์อะโดบี้ ของบริษัทอะโดบี้อินคอร์ปอเรตเต็ด จำกัด ผู้เสียหายที่ 2 โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามดีสตูดิโอแม็กซ์ ของบริษัทออโต้เดสต์ อิงค์ จำกัด ผู้เสียหายที่ 3 และโปรแกรมคอมพิวเตอร์นอร์ตันแอนตี้ไวรัส 5 ของบริษัทไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัดผู้เสียหายที่ 4 ผู้เสียหายทั้งสี่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดังกล่าว และได้โฆษณางานครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยจำเลยนำเอาแผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสี่รวมจำนวน 133 แผ่น ออกขายเพื่อแสดงหากำไรในทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายแผ่นซีดีรอมซึ่งบันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ อันเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนทั้งจำเลยทำให้เผยแพร่โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เสนอจำหน่ายแผ่นวิดีโอซีดี ซึ่งบันทึกภาพและเสียงอันลามกโดยปรากฏภาพการร่วมเพศระหว่างชายหญิงจำนวน 56 แผ่น เพื่อความประสงค์แห่งการค้า ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 30, 31, 61, 70, 75 และ 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6 และ 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 และ 287 ริบของกลางทั้งหมดโดยให้แผ่นซีดีรอมของกลางที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 133 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 และ 70 วรรคสองพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง และ 34 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า จำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 350,000 บาท ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 15,000 บาท และความผิดฐานจำหน่าย เสนอจำหน่ายภาพยนตร์วิดีโอซีดีลามก จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท รวมจำคุก 2 ปี และปรับ 371,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และปรับ 185,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ส่วนสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ และให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาสำหรับความผิดฐานขาย เสนอขายงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 76 แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศโดยมติที่ประชุมใหญ่ วินิจฉัยว่า “แผ่นซีดีรอมซึ่งเป็นแผ่นซีดีประเภทหนึ่ง เป็นวัตถุที่สามารถนำมาใช้ทำเป็นวัสดุโทรทัศน์ได้ตามความหมายใน (2) ของคำว่า เทปหรือวัสดุโทรทัศน์ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ซีดีรอมแผ่นใดจะมีลักษณะครบถ้วนที่จะถือว่าเป็นวัสดุโทรทัศน์ตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บันทึกหรืออัดลงในวัสดุดังกล่าวจะมีผลทำให้แผ่นซีดีรอมนั้นสามารถจัดถ่ายทอดออกเป็นภาพหรือเสียงหรือทั้งภาพและเสียงได้ในลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยอุปกรณ์อื่นซึ่งเป็นลักษณะของวัสดุโทรทัศน์ตามความหมายในวรรคสองของคำว่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์แห่งบทกฎหมายดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาจากสิ่งที่บันทึกหรืออัดลงไปในแผ่นซีดีรอมแต่ละแผ่น เมื่อคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันข้อเท็จจริงว่าแผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เป็นวัสดุโทรทัศน์ และปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพจึงย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่า แผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามคำฟ้องนี้มีสภาพเป็นวัสดุโทรทัศน์ การกระทำของจำเลยดังกล่าวมาข้างต้นจึงเป็นความผิดตามคำฟ้อง ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษปรับลงนั้นเห็นว่า แผ่นซีดีรอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของกลางซึ่งมีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสี่ที่จำเลยมีไว้เพื่อขาย เสนอขายมีจำนวนเพียง 133 แผ่นไม่ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่าของกลางดังกล่าวมีมูลค่าสูงหรือก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากแก่ผู้เสียหายทั้งสี่หรือเป็นการกระทำที่มีการวางแผนการอย่างดีเป็นพิเศษอันเป็นพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดที่ร้ายแรงแต่อย่างใด จำเลยเป็นหญิงมีบุตร 3 คน กระทำความผิดเพื่อหาเงินมาช่วยอุปการะเลี้ยงดูและค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตร พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวางโทษปรับจำเลยสูงถึง 350,000 บาทในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า และ 15,000 บาท ในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจึงสูงเกินไป สมควรกำหนดโทษให้น้อยลงเพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแต่ในความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายเสนอจำหน่ายวิดีโอซีดีภาพยนตร์อันลามกนั้นเป็นความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดโทษมาเหมาะสมแก่รูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาเกี่ยวกับของกลางว่า ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบนั้น ไม่ชัดเจนว่าของกลางใดที่ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ส่วนแผ่นซีดีภาพยนตร์ลามกเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบ ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ในการกระทำความผิดแต่อย่างใด จึงสมควรแก้ไขให้ถูกต้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะโทษปรับในความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 31(1) ปรับ 150,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 34 ประกอบมาตรา 6 วรรคหนึ่ง ปรับ 10,000 บาท รวมปรับ 160,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 80,000 บาท รวมโทษทุกกรรมแล้วจำคุก 1 ปี และปรับ 83,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ของกลางแผ่นซีดีรอมที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ 133 แผ่นให้ตกเป็นของผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 75 ส่วนซีดีภาพยนตร์ลามก 56 แผ่น อันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) นั้น ให้ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง