คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362ตามที่โจทก์ฟ้องจะต้องได้ความว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ในขณะที่กล่าวหาว่าจำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองหรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ก่อนแล้ว โจทก์ร่วมเพิ่งจะอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยการซื้อขายในภายหลัง ดังนี้ แม้จะรับฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยที่เข้าไปครอบครองยึดถือที่ดินพิพาทอยู่ก่อนและคงอยู่ในที่ดินพิพาทตลอดมา ย่อมไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าไปตัดฟันต้นไม้และขุดดินทำคันนาปักดำทำนาในที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 361 ของนายเรียน ผาก่ำผู้เสียหาย เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ เพื่อถือการครอบครองที่ดินของผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายเรียน ผาก่ำ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา365 นั้น ทางพิจารณาของโจทก์ไม่ปรากฏว่า จำเลยกระทำผิดประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์ตามฐานความผิดดังกล่าวจึงให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น ในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่โจทก์ร่วมซื้อมาจากนางนาง อานนท์ เมื่อวันที่ 3ตุลาคม 2529 จำเลยบุกรุกเข้าทำนาในที่ดินพิพาทตั้งแต่ปี 2528ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ตามที่โจทก์ฟ้องจะต้องได้ความว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ในขณะที่กล่าวหาว่าจำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองหรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ก่อนแล้ว โจทก์ร่วมเพิ่งจะอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยการซื้อขายในภายหลัง ดังนี้แม้จะรับฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยที่เข้าไปครอบครองยึดถือที่ดินพิพาทอยู่ก่อนและคงอยู่ในที่ดินพิพาทตลอดมา ย่อมไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วม”
พิพากษายืน

Share