คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นครูใหญ่ประชาบาลกล่าวว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอว่าไม่เป็นประชาธิปไตยโดยบังคับให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเลือกคนที่ผู้เสียหายชอบ ถ้าใครไม่เลือกก็ไม่ขอเงินเดือนขึ้นให้ นั้น ถ้อยคำที่กล่าวนี้ ถ้าเป็นความจริง ก็ถือได้ว่า เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เพราะการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรอันเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของราษฎรผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง
อนึ่ง ที่จำเลยกล่าวว่า การทำทำนบผู้เสียหายไม่ทำตามคำพูด ทำงานไม่ขาวสะอาด นั้น เมื่อได้ความว่า ผู้เสียหายเป็นกรรมการขุดบ่อน้ำ ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินขุดสระแต่ใช้ไปครึ่งเดียว จำเลยซึ่งเป็นกรรมการร่วมด้วยรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้ขอให้ผู้เสียหายนำเงินที่เหลือมาทำทำนบเพื่อกักไว้บริโภค โดยผู้เสียหายตกลงจะซื้อปูนซิเมนต์ส่งมาให้ แต่ผู้เสียหายได้เอาเงินที่เหลือไปใช้จ่ายทางอื่นโดยมิได้ให้จำเลยทราบ การทำทำนบจึงไม่เสร็จ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจึงเป็นการกล่าวโดยสุจริตและอยู่ในวิสัยของการติชม ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาท
การกล่าวที่จะเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ต้องเป็นเรื่องเจ้าพนักงานกระทำตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ถ้าเป็นการนอกหน้าที่แล้ว กรณีหาเข้ามาตรานี้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกล่าววาจาหมิ่นประมาทใส่ความนายแคล้ว โกศลวรรธนะ นายอำเภอท่าลี่ซึ่งหน้าและต่อหน้าผู้มีชื่ออีกหลายคน และได้บังอาจร่วมกับราษฎรอีก ๙ คน ยื่นคำร้องทุกข์โฆษณากล่าวโทษหมิ่นประมาทใส่ความนายแคล้วต่อผู้ว่า ราชการจังหวัดเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘, ๑๗+, ๙๐, ๙๑ และ ๓๒๒ (๒)
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าการกระทำของจำเลยได้รับยกเว้นตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖, ๓๒๖ วางโทษจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๖๐๐ บาท คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ เดือน ปรับ ๓๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์รอศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยที่กล่าวตามที่ศาลล่างฟังมา คือ :-
๑. ผู้เสียหายไม่เป็นประชาธิปไตย โดยบังเอิญให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเลือกคนที่ผู้เสียหายชอบ ถ้าใครไม่เลือกก็ไม่ขอเงินเดือนขึ้นให้นั้น เห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนี้ ถ้าเป็นความจริง ก็ถือได้ว่า เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เพราะการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรอันเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของราษฎรผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง ตามที่จำเลยนำสืบ มีเหตุผลให้น่าเชื่อว่า เป็นความจริง จำเลยจึงควรได้รับยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๐
๒. ส่วนข้อที่จำเลยกล่าวว่า การทำทำนบผู้เสียหายไม่ทำตามคำพูด ทำงานไม่ขาวสะอาด นั้นเล่า ตามท้องสำนวนก็ได้ความว่า จำเลยเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาลบ้านโคกใหญ่ และเป็นกรรมการหมู่บ้านช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านด้วย ส่วนผู้เสียหายก็เป็นกรรมการดำเนินการขุดบ่อน้ำ สระน้ำ และเป็นเจ้าพนักงานควบคุมดูแลราชการบริหารส่วนท้องที่ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ผู้เสียหายได้รับอนุมัติให้ใช้เงินจัดระบบอาชีพจำนวน ๔,๐๐๐ บาท ทำการขุดสระที่บ้านโคกใหญ่ได้ใช้จ่ายเงินไปเพียง ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยก็ได้เป็นกรรมการอยู่ด้วย จำเลยและผู้ใหญ่บ้านโคกใหญ่ได้ร้องขอผู้เสียหายให้นำเงินที่เหลือมาทำทำนมเพื่อกักน้ำไว้ บริโภค แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายได้กันเอาเงินที่เหลือจากการขุดสระไปทำการขุดบ่อน้ำที่อื่น จึงจัดซื้อปูนส่งมาทำทำนบรายนี้ได้เพียง ๒๐ ถุง และผู้เสียหายก็มิได้แจ้งเหตุให้จำเลยและราษฎรบ้านโคกใหญ่ทราบว่าเงินที่เหลือจากการขุดสระน้ำได้ใช้จ่ายไปทางอื่น ถ้อยคำที่จำเลยถือได้ว่า เป็นการกล่าวโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ และอยู่ในวิสัยของการติชมตามมาตรานั้น ด้วย การกระทำของจำเลยหาเป็นผิดฐานหมิ่นประมาทไม่
ส่วนในปัญหาที่ว่า การพูดของจำเลยจะเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้ ต้องเป็นเรื่องเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ แต่ในเรื่องเลือกตั้ง นายแคล้ว โกศาลวรรธนะ ได้บังคับให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเลือกตั้งคนที่ผู้เสียหายต้องการ การกระทำเช่นนี้ เป็นการนอกหน้าที่กรณีจึงหาเข้ามาตรา ๑๓๖ ไม่ ส่วนที่จำเลยพูดเรื่องทำนบก็เป็นการกล่าวโดยสุจริตและอยู่ในวิสัยของการติชมธรรมดาในฐานะที่ผู้เสียหายก็เป็นกรรมการอยู่ด้วย ไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๓๖ เช่นเดียวกัน
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์

Share