คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามแปรรูปเป็นเสาถาก 75 ท่อน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่4) พ.ศ.2503มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป และโจทก์นำสืบฟังได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป คือถากเป็นเสาแล้วดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันตัดฟันและมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามเป็นจำนวนไม้แปรรูปเสาถาก 75 ท่อน โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่นั้นไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 39, 6, 69, 71, 73 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2503 มาตรา 12, 13, 17, 18 กับขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1, 2 ผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69, 39, 71 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 12, 13 จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 4,000 บาทโทษจำคุกให้รอไว้ภายใน 3 ปี กับให้ยกฟ้องปล่อยตัวจำเลยที่ 3, 4 ไป ไม้ของกลางให้ริบ

จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ให้ริบไม้ของกลาง

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2503 มาตรา 12 ซึ่งมีใจความว่าผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง ต้องระวางโทษ ฯลฯ แต่โจทก์บรรยายฟ้องความว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้าม จำนวนไม้แปรรูป คือเสาถากแล้ว สามารถนำไปปลูกสร้างได้ทันทีเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป จะลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ได้

Share