คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กล่าวในฟ้องว่า.’จำเลยทั้ง 17 คนนี้ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือจำเลยทุกคนได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันถั่ว’ และในตอนต่อไปในฟ้องข้อเดียวกันกล่าวว่า ‘โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ 2 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำเลยอื่นๆ เป็นผู้เล่น’ นั้น เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หาใช่ในฐานะเป็นผู้เล่นด้วยไม่
ถ้าทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง แต่เป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้นต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสารสำคัญ อันเป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 17 คนได้บังอาจร่วมกันเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันถั่ว และได้กล่าวในคำฟ้องตอนต่อไปว่าโดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ 2 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้จำเลยอื่นเป็นผู้เล่นโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12, 15 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2485 มาตรา 3 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2490 มาตรา 3

จำเลยทั้ง 17 คนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นเจ้ามือส่วนจำเลยอื่น ๆ มีความผิดฐานเป็นผู้เล่นการพนันถั่วโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ที่แก้ไขเพิ่มเติมให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือนปรับ 2,000 บาท จำเลยคนอื่น ๆ ให้ปรับคนละ 1,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 16 เคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้วพ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปีมากระทำผิดอีก จึงให้จำคุกจำเลยที่ 16 สามเดือน ปรับ 2,000 บาท

จำเลยทุกคนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง ปล่อยตัวนางละเอียดจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ฟ้องหาว่านางละเอียดเป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นและเก็บประโยชน์จากการเล่น แต่ทางพิจารณาฟังได้เพียงว่านางละเอียดเป็นผู้ร่วมเล่นด้วยเท่านั้นการจัดให้มีการเล่นกับการเป็นเจ้ามือหรือผู้เล่นทำหน้าที่ต่างกันมาก ผู้จัดให้มีการเล่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นเลยข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องและมิใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ไม่ได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า ตามฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษนางละเอียดจำเลยฐานเป็นผู้เล่นด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ในตอนต้นที่ว่า “จำเลยทั้ง 17 คนนี้ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยทุกคนได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันถั่ว” เป็นการกล่าวรวม ๆ กันว่าจำเลยทั้ง 17 คนเล่นการพนัน คำฟ้องตอนต่อไปที่ว่า “โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ 2 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำเลยอื่น ๆ เป็นผู้เล่น” นั้น เป็นการอธิบายรายละเอียดว่าจำเลยคนใดเล่นในฐานะใด และเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หาใช่ในฐานะเป็นผู้เล่นด้วยไม่ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง เป็นแต่เพียงผู้เล่นเท่านั้น ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญ เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ศาลต้องยกฟ้อง

พิพากษายืน

Share