แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทที่ตั้งโรงผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชน ออกใบรับเงินให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีข้อความสำคัญแต่เพียงว่าบริษัทได้รับเงินจากผู้ใด ชำระค่าหม้อมีเตอร์ขนาดใด เป็นเงินเท่าใด เมื่อวันที่เท่าใดการชำระเงินเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง และตามเอกสารนี้ก็ไม่มีถ้อยคำบ่งชัดว่ารับชำระราคาค่าซื้อขายหม้อแอมป์มีเตอร์หรือว่ารับชำระค่าประกันหม้อแอมป์มีเตอร์ การที่ผู้ใช้ไฟฟ้านำสืบพยานบุคคลว่า เงินที่ชำระนี้เป็นค่าประกันหม้อแอมป์มีเตอร์ โดยบริษัทตกลงไว้ว่าบริษัทจะคืนเงินนี้ให้เมื่อเลิกใช้ไฟฟ้าจึงเป็นการสืบอธิบายข้อความในเอกสารการนำสืบเช่นนี้จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
ย่อยาว
ได้ความว่า บริษัทจำเลยได้ตั้งโรงงานจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนตำบลบางคล้า ได้พิมพ์ประกาศชี้แจงข้อปฏิบัติและเงื่อนไขในการใช้ไฟฟ้าให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับค่ามัดจำการใช้กระแสไฟฟ้าและค่าหม้อกระแสไฟฟ้า (หม้อแอมป์มิเตอร์) ประชาชนเห็นว่ายังมีราคาสูงมาก และผูกมัดผู้ใช้ไฟฟ้ามากไป จึงไม่มีผู้ใดใช้ไฟฟ้า บริษัทจำเลยจึงต่อไฟฟ้าเข้าบ้านประชาชนให้ทดลองใช้ 1 เดือน ก็ยังไม่มีผู้ใดขอใช้ไฟฟ้า นายอนันต์ผู้จัดการบริษัทจำเลยได้เชิญประชาชนไปประชุมชี้แจง แล้วประชาชนได้ตั้งกรรมการเจรจากับบริษัทจำเลยผลที่สุดตกลงกันได้ว่า ค่าประกันการใช้กระแสไฟฟ้าบริษัทจำเลยลดจาก 50 บาท เหลือ 30 บาท ส่วนค่าประกันค่าหม้อมีเตอร์ลดลงโดยคิดเอาตามขนาดของหม้อแอมป์มิเตอร์ และได้ตกลงกันว่าเรื่องเงินเกี่ยวกับหม้อแอมป์มีเตอร์นี้เป็นการประกันความเสียหายที่จะเกิดแก่หม้อเท่านั้น ไม่ใช่เป็นราคาเงินที่ซื้อขายกันเมื่อผู้ใดเลิกใช้ไฟ บริษัทจำเลยจะคืนเงินประกันนี้ให้ผู้ใช้ไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับคืนเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าจากโจทก์และให้คืนเงินค่าเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าเท่าที่โจทก์แต่ละรายชำระไว้ให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่า เอกสารใบรับเงินแสดงถึงการชำระค่าตู้เครื่องวัดกระแสไฟฟ้า มิได้ปรากฏว่าเป็นเงินประกัน และไม่ได้ระบุว่าต้องคืนเงินที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์สืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อความที่ปรากฏในเอกสารจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(ข)(น่าจะเป็น 94(ข))
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่เป็นการสืบว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อนี้ด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า การชำระเงินแก่กันในกรณีเช่นนี้ กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง และตามเอกสารที่โจทก์อ้างก็มีความสำคัญแต่ว่า บริษัทจำเลยได้รับเงินจากโจทก์ ชำระค่าหม้อมีเตอร์ขนาดใด เป็นเงินเท่าใด ไม่มีถ้อยคำบ่งชัดว่าเงินที่บริษัทจำเลยได้รับจากโจทก์นั้น เป็นการรับชำระค่าซื้อขายหม้อแอมป์มีเตอร์หรือว่าค่าประกันหม้อแอมป์มีเตอร์ การที่โจทก์นำสืบข้อนี้ก็เป็นการอธิบายว่า โจทก์ชำระเงินค่าประกัน ไม่ใช่ค่าซื้อขายหม้อแอมป์มีเตอร์โจทก์จึงมีสิทธินำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
พิพากษายืน