คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้ว จะกลับรับสารภาพก็ทำได้ไม่จำต้องให้ศาลอนุญาตเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแทงนายจันทาตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบมีดของกลาง

นายเค้าบิดาผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

เดิมจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จและสืบพยานจำเลยได้ 4 ปาก จำเลยขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 15 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน มีดของกลางริบ

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นวางโทษเบาไป และจำเลยรับเพราะจำนนต่อพยานโจทก์ จึงไม่ควรลดโทษ อีกทั้งศาลชั้นต้นยังไม่สั่งอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม ต้องถือว่าจำเลยคงปฏิเสธฟ้องอยู่ตามเดิม

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะข้อลดโทษเป็นว่า ให้ลดโทษ1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี

โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักกว่านี้อีกและว่า การแถลงรับสารภาพภายหลังเป็นการแก้ไขคำให้การเดิมที่ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นยังไม่สั่งอนุญาต ต้องถือว่าจำเลยคงปฏิเสธอยู่ตามเดิม

เรื่องการวางโทษ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุที่ควรจะเปลี่ยนแปลง

ส่วนข้อที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นแรกแล้วกลับรับสารภาพในภายหลังโดยศาลชั้นต้นยังไม่สั่งอนุญาตให้ถอนคำให้การเดิม ต้องถือว่าจำเลยคงปฏิเสธอยู่ตามเดิม นั้นศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะต่อสู้คดีหรือรับสารภาพเป็นสิทธิของจำเลยในชั้นสอบสวน เมื่อผู้ต้องหาเต็มใจให้การอย่างใด ก็ให้จดคำให้การไว้ ในชั้นศาลจำเลยจะต่อสู้คดีอย่างใด ก็ให้จดคำให้การไว้เช่นเดียวกัน เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้วจะกลับรับสารภาพก็ทำได้ไม่จำต้องให้ศาลอนุญาตเสียก่อน ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share