คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้คำชี้ขาดภายในเวลาอันสมควร ผู้รับประเมินยื่นฟ้องเรียกเงินค่าภาษีคืนต่อศาลได้
กรณีที่ศาลสั่งให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีโรงเรือนแลที่ดินคืนจากจำเลยหลายรายรวมเป็นเงิน ๑๓๔๓ บาท ๖๗ สตางค์
จำเลยต่อสู้ว่า ได้ประเมินเก็บค่าภาษีจากโจทก์ถูกแล้ว และตัดฟ้องว่าว่าโจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาสู่ศาล เพราะคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ยังไม่ได้รับคำชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากร
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า อธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้ให้คำชี้ขาดภายในเวลาอันสมควร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องได้ ในที่สุดพิพากษาให้จำเลยคืนค่าภาษีเพียง ๑๑ บาท ๕๐ สตางค์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กฎหมายบัญญัติไว้ชัดว่า ให้ผู้รับประเมินอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้ เมื่ออธิบดีกรมสรรพากรให้คำชี้ขาดแล้ว ผู้รับประเมินไม่พอใจ ก็นำคดีสู่ศาลได้ภายใน ๑๐ วัน ไม่มีข้อความอย่างใดเลยว่าถ้าอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้ให้คำชี้ขาดภายใน ๑๐ วันให้ผู้รับประเมินนำคดีสู่ศาลได้ จึงเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในกรณีที่อธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้คำชี้ขาดภายในเวลาอันสมควร ไม่มีกฎหมายระบุให้ผู้รับประเมินปฏิบัติอย่างไรและไม่มีกฎหมายใดห้ามผู้รับประเมินนำคดีสู่ศาล ทั้ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินก็มีความมุ่งหมายให้ผู้เสียภาษีไปโดยไม่ถูกต้องฟ้องเรียกเงินคืนได้ด้วย ผู้รับประเมินจึงนำคดีสู่ศาลได้ ถ้าฟ้องศาลไม่ได้แล้วผู้รับประเมินก็ไม่มีโอกาศได้รับเงินคืน จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาอุทธรณ์โจทก์จำเลยใหม่ ค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย

Share