คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 155 แฟลตหลังที่ 21 ในการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และคำบังคับ เจ้าพนักงานศาลปิดไว้ที่บ้านซึ่งไม่ใช่บ้านของจำเลยทุกครั้ง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ปรากฏว่าในการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องหมายนัดแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ และคำบังคับเจ้าพนักงานศาลปิดไว้ที่บ้านเลขที่ 155 ชั้น 4 แฟลตหลังที่ 33 ทุกครั้ง และในการไปส่งหมายที่บ้านดังกล่าว เจ้าพนักงานศาลไม่เคยพบจำเลยในบ้านนั้น และสอบถามบ้านข้างเคียงก็ไม่มีใครรู้จักจำเลย ดังนี้ หากได้ความตามคำร้องของจำเลยย่อมถือไม่ได้ว่าส่งคำบังคับให้จำเลยโดยชอบ เมื่อไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบ จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับเป็นไปโดยไม่ชอบศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์และบัญชีเดินสะพัดให้ชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี แล้วออกคำบังคับและหมายบังคับคดี โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง และคำบังคับเจ้าพนักงานศาลปิดไว้ที่บ้านคนอื่นจำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เจ้าพนักงานศาลทำรายงานการเดินหมายในการนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยลงวันที่ 22สิงหาคม 2523 ว่า ได้นำไปส่งที่บ้านเลขที่ 155 ดังกล่าวแล้วไม่พบจำเลยพบแต่หญิงผู้หนึ่งแจ้งว่าไม่เคยรู้จักจำเลยและจำเลยไม่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้จึงไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้ พร้อมกันนั้นเจ้าพนักงานศาลได้เขียนข้อความต่อท้ายไว้ในวงเล็บว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวอยู่ชั้น 4 แฟลต 33เมื่อศาลสั่งให้ส่งใหม่ ถ้าส่งไม่ได้ให้ปิดหมาย เจ้าพนักงานศาลทำรายงานการเดินหมายลงวันที่ 12 กันยายน 2523 ว่าไม่พบจำเลย แต่บ้านปิดประตูอยู่สอบถามบ้านข้างเคียงไม่มีใครรู้จักจำเลย จึงปิดหมายไว้ที่บ้านเลขที่ 155 และวงเล็บไว้ด้วยว่าบ้านดังกล่าวอยู่ชั้น 4 แฟลต 33 วันที่ 31 ตุลาคม 2523 เจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดแจ้งวันสืบพยานโจทก์ไปส่งให้จำเลย ได้ทำรายงานการเดินหมายไว้ว่า ไม่พบจำเลยพบแต่ชายผู้หนึ่งแจ้งว่าไม่เคยรู้จักจำเลย จำเลยไม่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นจึงปิดหมายนัดไว้ และวงเล็บว่าบ้านดังกล่าวอยู่ชั้น 4 แฟลต 33 ส่วนการส่งคำบังคับเจ้าพนักงานศาลทำรายงานการเดินหมายลงวันที่ 5 มีนาคม 2524 ว่า ไม่พบจำเลยบ้านปิดประตูอยู่ สอบถามบ้านข้างเคียง ไม่มีผู้ใดรู้จักจำเลย จึงปิดคำบังคับไว้ที่บ้านเลขที่ 155 แล้ววงเล็บว่า บ้านดังกล่าวอยู่ชั้น 3 แฟลต 33 จึงเห็นได้ว่าเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง และคำบังคับให้จำเลย ล้วนแต่ไปส่งและปิดไว้ที่บ้านเลขที่ 155 ซึ่งอยู่ชั้น 4 แฟลต 33 ทั้งสิ้น การที่จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 155 แต่เป็นแฟลตหลังที่ 21 มิใช่แฟลตหลังที่ 33 ที่เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นคนละหลังกัน หากได้ความตามคำร้องของจำเลย ย่อมถือไม่ได้ว่าส่งคำบังคับให้จำเลยโดยชอบเมื่อไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบ จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งแม้จำเลยมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับเป็นไปโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ดังนี้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนให้ได้ความว่า เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้จำเลยโดยชอบแล้วหรือไม่

พิพากษายืน

Share