แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวน ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้ จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ ส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้นคดีที่สุดแล้ว หากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด คดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร รถจักรยาน ๒ ล้อของนางสาวเปรม จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณาปรากฏว่า จำเลยนี้ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยตามคดีดำที่ ๑๓๔/๒๕๐๘ หาว่าลักทรัพย์หรือรับของโจร รถจักรยานของนายบรรยงอีกสำนวนหนึ่ง และถูกฟ้องเป็นจำเลยตามคดีดำที่ ๑๘๒/๒๕๐๘ หาว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรทรัพย์ของนายทองอีกสำนวนหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษาคดีนี้รวมกันไปกับคดีดำที่ ๑๓๔/๒๕๐๘ และ ๑๘๒/๒๕๐๘ เป็น ๓ สำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง ๓ สำนวน
โจทก์อุทธรณ์ทั้ง ๓ สำนวน
ศาลอุทธรณ์ปรึกษาว่า สำหรับคดีดำที่ ๑๓๔/๒๕๐๘ และ ๑๘๒/๒๕๐๘ คดียังไม่มีหลักฐานพอที่จะลงโทษจำเลยได้ ส่วนคดีนี้จำเลยมีความผิดฐานรับของโจร พิพากษาแก้ว่าเฉพาะคดีนี้ลงโทษจำคุก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้รับรถจักรยานของนางสาวเปรมที่หายไว้โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมายอันควรเป็นความผิดแต่อย่างใด ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
ฉะนั้น คดีนี้จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป ของกลางคืนนางสาวเปรม