แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้ออุทธรณ์ที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางแม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถ้า ศาลฎีกายังไม่เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่รับ วินิจฉัยให้ ลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุไม่มีสัญชาติไทยอันเป็นการพ้นจากตำแหน่งโดยผลของกฎหมาย แต่นายจ้างก็จะต้องดำเนินการให้ลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง เป็นการให้ลูกจ้าง ออกจากงานโดยไม่ได้กระทำผิดใดๆ จึงถือว่าเป็นการเลิกจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุโจทก์ไม่มีสัญชาติไทยโดยไม่จ่ายค่าชดเชยขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นายปีร์ ไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้ลายมือชื่อของโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริง โจทก์ออกจากงานเพราะขาดคุณสมบัติโดยไม่มีสัญชาติไทย เป็นการพ้นจากตำแหน่งตามผลของกฎหมาย ไม่ใช่เพราะจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยตรง จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ว่า ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องพิเคราะห์แล้วจำเลยไม่ได้ให้การเป็นประเด็นไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง แม้ปัญาหาเรื่องอำนาจฟ้องจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกายังไม่เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อความปรากฏว่าโจทก์ไม่มีสัญชาติไทย โจทก์ไม่ได้พ้นจากตำแหน่งไปในตัว แต่จำเลยจะต้องดำเนินการให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการให้โจทก์ออกจากงานโดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิดใด ๆจึงเป็นการเลิกจ้างตามความหมายของคำว่า “การเลิกจ้าง” ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) ข้อ 46
พิพากษายืน