แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยหลายกะทงยืนต้องกันมานั้น จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้ฉะเพาะกะทงที่ศาลลงโทษเกิน 5 ปี เท่านั้น จะฎีกาข้อเท็จจริงในกะทงที่ศาลลงโทษไม่เกิน 5 ปีด้วยไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ถึง ๓ มีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๗ (ฉะบับที่ ๔) ให้จำคุก ๑๐ ปี และผิดตาม มาตรา ๒๗๐ อีกกะทงหนึ่งให้จำคุก ๖ เดือน จำเลยที่ ๓ ผิดตามมาตรา ๑๕๙ ให้จำคุก ๔ เดือน จำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ผิดตามมาตรา ๑๑๘ ให้จำคุกคนละ ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ถึง ๓ มีความผิดตามมาตรา ๓๐๑ และ ๒๗๐ ความผิดนอกนั้นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ถึง ๓ ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจะฎีกาได้ฉะเพาะแต่ในข้อหาฐานปล้นเท่านั้น ส่วนความผิดตามมาตรา ๒๗๐ นั้น ศาลชั้นต้นแลศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมา จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้และเห็นว่าพะยานโจทก์ยังไม่พอลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ศาลล่างให้ยกข้อหาฐานปล้น นอกนั้นคงให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์