แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อให้มั่นคงยิ่งขึ้นโจทก์ให้จำเลยที่ 3 ค้ำประกันหนี้รายนี้ด้วย โดยโจทก์จำเลยที่ 3 มุ่งเอาสัญญาขายฝากบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 เป็นสัญญาค้ำประกันหนี้รายนี้ จำเลยที่ 3 จึงทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จะไปทำสัญญาขายฝากอีกทีหนึ่ง และได้มอบหนังสือมอบอำนาจนี้กับเอกสารสำหรับบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 ที่จะขายฝากไว้กับโจทก์ เพียงเท่านี้หาใช่สัญญาค้ำประกันที่จะบังคับจำเลยที่ 3 ตามที่โจทก์ฎีกาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ทำหนังสือกู้เงินโจทก์ไป ๑๕,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันเงินกู้นั้น จำเลยที่ ๓ ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ไปทำนิติกรรมขายฝากบ้านเรือนที่จำเลยอาศัยเป็นประกันเงินกู้นั้นอีกชั้นหนึ่ง บัดนี้จำเลยทั้ง ๓ ผิดนัด จึงขอให้บังคับจำเลยทั้ง ๓ ใช้ต้นเงินดอกเบี้ยรวม ๑๖,๕๖๐ บาท ๘๐ สตางค์ให้โจทก์และใช้ดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์ไปตามฟ้องจริงแต่การค้าไม่ดี ขอผ่อนชำระ
จำเลยที่ ๒ ให้การภาคเสธรับว่าได้เซ็นสัญญารับประกันเงินกู้รายนี้จริง แต่จำเลยที่ ๒ เป็นหญิงมีสามีโจทก์ก็ทราบ และสามีจำเลยที่ ๒ มิได้ให้ความยินยอมด้วย สัญญาค้ำประกันจึงเป็นโมฆะ
จำเลยที่ ๓ ให้การภาคเสธต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๒ ยังมิได้ไปทำหนังสือสัญญาขายฝากตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยที่ ๓ มอบให้โจทก์ยึดถือไว้ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดชอบ
ศาลแพ่งสอบถามข้อความบางประการ แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ต้นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำสัญญากู้ยืมไปจนชำระเสร็จ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช้ก็ให้จำเลยที่ ๒ ใช้แทน
คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๓ นั้นศาลแพ่งเห็นว่าจำเลยที่ ๓ เป็นแต่ตั้งใจขายฝากบ้านเรือนเพื่อประกันหนี้เท่านั้น จำเลยที่ ๓ ยังมิได้เข้าไปผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ ในเมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระให้โจทก์ เมื่อยังไม่มีการทำสัญญาขายฝากเพื่อประกันหนี้ตามหนังสือมอบอำนาจแล้ว จะให้จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดในหนี้รายนี้ด้วยหาได้ไม่
ศาลแพ่งพิพากษาให้ยกฟ้องเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๓ เสีย
โจทก์อุทธรณ์ว่า คดีคงถือได้ว่าจำเลยที่ ๓ ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ตามกฎหมายแล้ว
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ ๓ เพียงแต่ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ไปทำสัญญาขายฝากบ้านเรือนเพื่อเป็นประกันเงินกู้อีกชั้นหนึ่งเท่านั้น และยังมิได้ทำสัญญาขายฝากกันตามใบมอบอำนาจ จะฟังว่าจำเลยที่ ๓ เข้าผูกพันเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้รายนี้ด้วยยังไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพฤติการณ์ดั่งกล่าวย่อมเห็นได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ ๓ มุ่งเอาการขายฝากบ้านเรือนนั้นเองเป็นสัญญาค้ำประกันหนี้รายนี้ โดยจำเลยที่ ๓ ได้ทำหนังสือมอบอำนาจและมอบเอกสารสำหรับบ้านเรือนที่จะขายฝากให้ไว้ ก็เป็นเพียงจำเลยที่ ๓ แสดงเจตนาที่จะทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์เท่านั้น ดังนี้หาใช่เป็นตัวสัญญาค้ำประกันดังที่โจทก์ฎีกาไม่ คดีไม่มีทางที่โจทก์จะขนะจำเลยที่ ๓ ได้ พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย.