คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากที่ดิน จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าที่พิพาทอาจจะให้เช่าได้ในอัตราเดือนละเท่าใด แต่ปรากฏจากคำให้การของจำเลยว่า จำเลยอยู่ในที่พิพาทในฐานะเป็นผู้เช่า เสียค่าเช่าในอัตราเดือนละ 50 บาท ไม่มีการได้แย้งเป็นอย่างอื่นและจำเลยเป็นผู้อุทธรณ์ฎีกา ก็ชอบที่จะถือตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำให้การอัตราค่าเช่าเดือนละ 50 บาท ดังนั้น คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นกรณีเช่นนี้ ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้อาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์ โจทก์ต้องการใช้ที่ดินจึงบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปแต่จำเลยเพิกถอน จึงขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้านเพื่ออยู่อาศัย เสียค่าเช่าที่ดินเดือนละ ๕๐ บาท ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยอยู่ในฐานอาศัยจึงมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จำเลยอ้างจำเลยฝ่าฝืนอยู่ในบ้านที่พิพาท เป็นการละเมิด พิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารและให้จำเลยรื้อถอนเรือนพิพาทออกไป
จำเลยอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยอ้างว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าอาจจะให้เช่าได้เดือนละเท่าใรจึงต้องถือว่าให้เช่าได้เกินกว่าเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยอยู่บ้านพิพาทในฐานะอาศัย จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จำเลยอ้างถึง พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ฟ้องจะมิได้บรรยายว่าที่พิพาทจะให้เช่าได้ในอัตราเดือนละเท่าใด แต่ปรากฏจากคำให้การของจำเลยว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทในฐานะเป็นผู้เช่า โดยเสียค่าเช่าเดือนละ ๕๐ บาท ไม่มีการโต้แย้งเป็นอย่างอื่น และจำเลยเป็นผู้อุทธรณ์และฎีกาก็ชอบที่จะถือตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำให้การว่าอัตราค่าเช่าเดือนละ ๕๐ บาท ดังนั้นคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นนี้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๐๐ บาท

Share