คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฝ่ายผู้ตายได้มาเรียกจำเลยไปหา แล้วพวกผู้ตายฟันข้างหลังจำเลย 1 ที แล้วผู้ตายฟันหลังจำเลยอีก 1 ที. จำเลยหันไปเห็นผู้ตายถือดาบจ้องจะฟันซ้ำอีก. จำเลยจึงแทงไปทางผู้ตาย 1 ที ถูกที่หน้าอกถึงแก่ความตาย.ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวแต่พอสมควรแก่เหตุ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อเหตุร้ายขึ้นก่อน เมื่อจำเลยถูกกลุ้มรุมทำร้ายโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยก็มีความจำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกันชีวิตตน และเป็นการพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยพ้นข้อหาไปมีดของกลางคืนเจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า รูปคดีหาใช่เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันชีวิตไม่ หากแต่เป็นเรื่องต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันโดยสมัครใจ จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ทีโดยไม่ได้ตั้งใจแทงที่สำคัญโดยเฉพาะเจาะจง แต่บังเอิญถูกที่หน้าอกผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า จึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290มิใช่มาตรา 288 พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290วรรคแรก จำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนตลอดจนข้อนำสืบของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษ 1 ใน 3ตามมาตรา 78 คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี ริบมีดของกลาง จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ขอให้พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตายจริง และเชื่อว่าฝ่ายผู้ตายได้มาเรียกจำเลยไป แล้วจำเลยไปถูกฟันและยิงโดยพวกผู้ตายวิ่งเข้ามาฟันแผลที่ 1 ผู้ตายฟันแผลที่ 2แผลที่จำเลยถูกทำร้ายอยู่ทางด้านหลังทุกแผล หลังจากถูกฟันจำเลยหันไปเห็นผู้ตายถือดาบจ้องจะฟันซ้ำอีก จำเลยจึงแทงไปทางผู้ตาย 1 ทีถูกที่หน้าอกถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวแต่พอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share