คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาคารประเภทควบคุมการใช้เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว ก่อนใช้จะต้องได้รับใบรับรองการก่อสร้างก่อน การที่จำเลยเปิดใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้ตั้งแต่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้โดยไม่มีใบรับรองการก่อสร้าง และเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งโดยชอบให้จำเลยระงับการใช้ จำเลยยังคงฝ่าฝืนใช้อาคารต่อไป จึงมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการใช้อาคารที่ยังไม่ได้รับใบรับรองการก่อสร้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 4, 31, 32, 40, 43, 44, 47, 65, 69, 70 กฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 91, 368 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานร่วมกันก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 31, 65 วรรคหนึ่ง, 69 ปรับ 15,000 บาท ฐานฝ่าฝืนใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้โดยไม่รับอนุญาต 291 วัน ตามมาตรา 32, 65วรรคสอง, 69, 70 จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,910,000 บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งให้ระงับการใช้อาคาร 288 วัน ตามมาตรา 32, 44, 67, 69, 70 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก1 ปี ปรับ 2,880,000 บาท รวมเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 5,805,000บาท จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปีและปรับ 3,870,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปีไม่ชำระค่าปรับให้กักขัง 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้โดยไม่มีใบรับรองการก่อสร้าง และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานให้ระงับการใช้อาคารที่ยังไม่ได้รับใบรับรองการก่อสร้าง นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่าจำเลยฝ่าฝืนใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้โดยไม่มีใบรับรองการก่อสร้างและข้อสองว่า จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการใช้อาคารที่ยังไม่ได้รับรองการก่อสร้างหรือไม่ ปัญหาข้อแรกโจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2530 นายธำรงจันทร์หอม นายช่างโยธา 3 เขตพระโขนง ตรวจพบว่าจำเลยได้ใช้อาคารดังกล่าวชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เป็นสถานบริการจำหน่ายเครื่องดื่มอาหารและมีดนตรีตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2530 ใช้ชื่อสถานบริการว่ายัวร์เพลส์ และจำเลยได้เปิดบริการต่อมารวม291 วัน ในเรื่องนี้จำเลยก็เบิกความตอบคำถามโจทก์และได้ให้การในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.31 เป็นอย่างเดียวกันว่า จำเลยได้เปิดใช้อาคารเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2530 จนถึงปัจจุบันและได้ตรวจดูบันทึกการฝ่าฝืนคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างตามเอกสารหมาย จ.17แผ่นที่ 2 ได้ระบุว่าวันที่ 28 ธันวาคม 2530 ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งภายใน สร้างสระน้ำหน้าภัตตาคารใช้คนงานประมาณ 50 คน และวันต่อมาก็มีการก่อสร้างฉาบปูน และต่อ ๆ มาก็ยังมีคนงานทำการก่อสร้าง แสดงว่าจำเลยได้เปิดใช้อาคารตั้งแต่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ จึงฟังได้ว่า จำเลยได้ฝ่าฝืนใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้โดยไม่มีใบรับรองการก่อสร้างเป็นเวลา 291 วัน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 32 วรรคสอง บัญญัติว่า “เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารประเภทควบคุมการใช้ได้กระทำการนั้นเสร็จแล้ว ห้ามเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารนั้นเพื่อกิจการดังที่ระบุไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกใบรับรองว่าการก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเคลื่อนย้ายนั้นเป็นไปโดยถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว” เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวนำมาพิจารณากรณีของจำเลย หากจำเลยได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างดัดแปลงอาคารประเภทควบคุมการใช้นั้นเสร็จแล้ว จำเลยได้เปิดใช้อาคารดังกล่าวโดยที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นยังไม่ได้ออกใบรับรองการก่อสร้างดัดแปลงอาคารดังกล่าวนั้นว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต จำเลยก็ต้องมีความผิด ดังนั้นเมื่อได้ความว่าจำเลยได้ฝ่าฝืนเปิดใช้อาคารเป็นสถานบริการตั้งแต่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จำเลยก็ต้องมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าว ปัญหาข้อสองโจทก์นำสืบว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยนายวิชา จิวาลัย ได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการใช้อาคาร (กรณียังไม่ได้มีการรับรอง) ตามเอกสารหมาย จ.18 ซึ่งจำเลยได้รับเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2531 แต่จำเลยยังคงฝ่าฝืนคำสั่งได้ใช้อาคารดังกล่าวเป็นสถานบริการโดยไม่มีใบรับรองการก่อสร้างจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2531 ตามเอกสารหมาย จ.19 เป็นเวลารวม288 วัน เห็นว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 44 ซึ่งจำเลยได้ฝ่าฝืนมาตรา 32 สั่งให้จำเลยระงับการใช้อาคารที่ยังไม่ได้รับใบรับรองหรือใบอนุญาตดังกล่าวแล้ว เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจที่จะสั่งได้ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนยังคงใช้อาคารเปิดเป็นสถานบริการต่อไป จำเลยต้องมีความผิดที่จำเลยอ้างว่าจำเลยได้ยื่นคำขอแก้ไขดัดแปลงอาคารตามแบบแปลนเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.24 และคำขอตามเอกสารหมาย ล.25 ต่อสำนักงานการโยธากรุงเทพมหานคร แต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่สั่งไม่อนุญาตภายใน 45 วัน จึงไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า การที่เจ้าพนักงานสั่งอนุญาตให้แก้ไขดัดแปลงอาคารล่าช้าเป็นคนละส่วนต่างหากกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share