แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องวส่า ตัวนแทนโจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินเมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า ตัวแทนโจทก์ไม่ชอบอย่างไรไว้แล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบแสดงการตั้งตัวแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงสัญญาขายที่ดินกับนางน้อยตัวแทนโจทก์เป็นราคา ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยรับเงินมัดจำไปแล้ว ๔,๐๐๐ บาท สัญญาจะโอนที่ดินให้เมื่อได้รับโอนจากหอทะเบียนแล้ว จำเลยรับโฉนดแล้วไม่โอนให้โจทก์ตามสัญญา กลับไปตกลงขายให้นางหยาด จำเลยกับนางหยาดทำยอมความกันโอนจำเลยยอมโอนขายที่ดินให้นางหยาดทั้งหมด ปรากฎตามคดีแพ่งแดงที่ ๔๕/๒๕๔๙๓ ทั้งนี้เป็นการลวงว่าเป็นความจริง ขอให้ศาลแสดงว่าสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับนางหยาดเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญายอมความ ให้บังคับจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ผู้แทนโจทก์มาหลอกลวงจำเลยไปทำการตามคำผู้แทนโจทก์ทุกประการแต่ไม่เกิดผลโจทก์มาแกล้งฟ้อง บัดนี้ที่ดินได้โอนขายไปยังบุคคลอื่นตามคำพิพากษาแล้ว
โจทก์ขอให้เรียกนางหยาดเข้ามาเป็นจำเลย นางหยาดให้การว่าได้ทำสัญญา+กับจำเลยก่อนโจทก์กับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับนางหยาดและสัญญายอมความในดีแพ่งแดงที่ ๔๕/๒๕๙๓ ให้จำเลยโอนที่ให้โจทก์ตามสัญญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยและนางหยาดฎีกา
ศาลฏีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ตั้งนางน้อยเป็นตัวแทนทำการซื้อที่ดิน แต่ในสัญญาปรากฎว่านางน้อยเป็นผู้จะซื้อที่ดินและวางมัดจำ ไม่มีว่านางน้อยทำแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีเอกสารนำสืบว่า นางน้อยเป็นตัวแทนโจทก์ จะนำพยานบุคคลมาสืบไม่ได้นั้ ข้อนี้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ต้น นายพงษ์จำเลยกลับให้การรับว่านางน้อยเป็นตัวแทนโจทก์เสียด้วยซ้ำ เมื่อจำเลยไม่ต่อสู้คัดค้นว่าไม่ชอบอย่างไรแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบแสดงการตั้งตัวแทน
สำหรับข้อเท็จจริง เห็นว่า พฤติการณ์แสดงไปในทางว่าจำเลยและนางหยาดกระทำการโดยไม่สุจริต เพื่อจะบิดเบือนไม่ต้องขายที่ดินให้โจทก์ ฏีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
คงพิพากษายืน