คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาเช่าสวนกันมีกำหนด 8 ปี 6 เดือน โดยทำเป็นหนังสือ จดทะเบียนที่หอทะเบียนที่ดิน แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่ากันอีก 1 ฉะบับ มีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันหมดกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก แต่สัญญาฉะบับที่ 2 นี้ทำกันทีอำเภอ ดังนี้ สัญญาเช่าฉะบับที่ 2 นี้ มีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี ฉะนั้นถ้าผู้ให้เช่าขายกรรมสิทธสวนนั้นไปเมื่อก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก ผู้ให้เช่านั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อ ที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้นได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิไปเสียก่อนแล้ว ส่วนเจ้าของคนใหม่ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เช่าส่วนส้มจากจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๘ ปี ๖ เดือน สัญญาเช่าทำกันเป็นหนังสือที่หอทะเบียนที่ดิน ต่อมาได้เช่าต่อกันอีก ๒ ปี พนักงานที่ดินแนะนำให้ไปทำที่อำเภอ จึงไปทำสัญญาเช่าที่อำเภอ มีอายุสัญญาเช่า ๒ ปี ให้มีผลนับต่อจากสัญญาเช่าเดิม
ต่อมาจำเลยที่ ๓ ขายที่สวนนี้ให้แก่จำเลยที่ ๑ และเมื่อหมดสัญญาเช่าฉะบับ ๖ ปี ๘ เดือนแล้ว จำเลยที่ ๑ บอกเลิกสัญญาเช่าต่อไป แต่โจทก์ไม่ยอม จำเลยที่ ๑ – ๒ – ๓ ได้เข้ายึดสวนรายนี้ไม่ให้โจทก์ครอบครอง จึงขอให้ห้ามจำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องในสวนพิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าที่กล่าวนั้นต้องถือว่าเป็นสัญญา ๒ ฉะบับ จะต่อรวมกันเป็นสัญญาฉะบับเดียวกันหาได้ไม่ เพราะต่างแบบ กฎหมายบัญญัติถึงอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้ทำต่างกัน ทั้งต่างวาระกันมิได้รวมให้เป็นสัญญาฉะบับเดียวกัน สัญญาเช่าต่อใหม่ ๒ ปีนี้ แท้จริงมีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก ๒ ปี บัดนี้ปรากฎว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าฉะบับแรก ผู้ให้เช่าได้หลุดจากการเป็นเจ้าของที่ดิน ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้น ได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิไปเสียก่อนแล้ว ส่วนเจ้าของใหม่ ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share