คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจระบุว่า โจทก์ลักทรัพย์ของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ถูกอัยการฟ้องคดีอาญา ศาลยกฟ้องเพราะจำเลยซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์เบิกความว่าไม่ได้ระบุใครเป็นคนร้าย คดีถึงที่สุด อัยการจึงฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จโดยความจริงจำเลยแจ้งระบุชื่อโจทก์เป็นคนร้าย จำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุด โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้หาว่าจำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นเท็จ และเบิกความในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์เป็นเท็จ ดังนี้ ข้อหาฐานเบิกความเท็จสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) แม้ฟ้องจะกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นคนละตอนกับคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง แต่เป็นกรรมเดียววาระเดียว เป็นการกระทำอันเดียวกัน ตามหลักกฎหมายทั่วไปพึงฟ้องร้องได้ครั้งเดียว ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จยังมิได้มีการฟ้องมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแต่ประการใด แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้ว ถ้อยคำที่จำเลยแจ้งความอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ และศาลก็พิพากษาว่าเบิกความเท็จในข้อหาอื่น ไม่ใช่ในข้อว่าโจทก์เป็นคนร้าย ตามรูปคดีและที่โจทก์นำสืบ เห็นว่า คดีของโจทก์ฐานแจ้งความเท็จมีมูล..

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักกุญแจบ๊อกของจำเลยและสาบานตัวว่าจะให้ความจริงแก่พนักงานสอบสวนว่าโจทก์ได้กระทำผิดดังกล่าว เพื่อให้โจทก์ถูกลงโทษ ต่อมาจำเลยสาบานตัวเบิกความในการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม (คดีดำที่ ๗๑๘/๒๕๐๗) ว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักกุญแจบ๊อก เป็นข้อสำคัญในคดี โดยรู้ว่าเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๑๗๓,๑๗๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วได้ความว่า เดิมจำเลยแจ้งความว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ถูกอัยการฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรสงคราม(คดีดำที่ ๗๑๘/๒๕๐๗ ตามฟ้อง) ศาลยกฟ้องเพราะพยานเบิกความขัดกัน และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์เบิกความว่าไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนร้าย คดีถึงที่สุด อัยการจึงได้ฟ้องจำเลยนี้หาว่าเบิกความดังกล่าวเป็นเท็จความจริงจำเลยได้ระบุชื่อโจทก์เป็นคนร้าย จำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษฐานเบิกความเท็จ คดีถึงที่สุด โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เห็นว่าข้อหาฐานเบิกความเท็จคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) ส่วนข้อหาฐานแจ้งความเท็จนั้น เมื่อศาลลงโทษฐานเบิกความเท็จ ก็เท่ากับศาลเชื่อว่าจำเลยระบุว่าเห็นโจทก์เป็นคนร้าย และเชื่อชั้นสอบสวนว่าจำเลยเห็นโจทก์เป็นคนร้ายเป็นความจริง เท่ากับศาลพิพากษาเรื่องแจ้งความเท็จเสร็จไปในตัว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) ด้วย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า คำฟ้องของอัยการหาว่าจำเลยเบิกความเท็จตอนที่ไม่เบิกคามว่า”ได้แจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์” ส่วนฟ้องของโจทก์คดีนี้หาว่าเบิกความเท็จในข้อที่ว่า “โจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์” เป็นคนละตอน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จนั้น จำเลยแจ้งความว่า โจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์ ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่า โจทก์ไม่ได้ลัก ฉะนั้น คำแจ้งความของจำเลยทั้งหมดจึงเป็นเท็จ
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จเสร็จเด็ดขาดไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) โจทก์จะฟ้องจำเลยในข้อหาฐานเบิกความเท็จอีกไม่ได้ แม้ฟ้องของโจทก์คดีนี้จะกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นข้อความคนละตอนกับคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องก็ดี แต่การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววาระเดียวเป็นการกระทำอันเดียวกันตามหลักทั่วไปในการฟ้องคดี การกระทำอันหนึ่งพึงฟ้องร้องได้ครั้งเดียว
สำหรับข้อหาฐานแจ้งความเท็จของโจทก์เรื่องนี้ยังมิได้มีการฟ้องร้องมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดประการใด สิทธิฟ้องคดีของโจทก์ยังไม่ระงับไป โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จแล้ว ก็ต้องฟังว่าถ้อยคำแจ้งความของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นความจริงนั้น เห็นว่า อาจไม่เป็นเช่นนั้น และศาลก็พิพากษาว่าเบิกความเท็จในข้อความอื่น มิใช่ในข้อว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์ของจำเลย จะถือว่าข้อความที่จำเลยแจ้งว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์ของจำเลยเป็นความจริงหาได้ไม่ เรื่องนี้ศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนที่หาว่าโจทก์ลักทรัพย์ ซึ่งแสดงว่าโจทก์อาจไม่ใช่คนร้าย รูปคดีถ้อยคำเบิกความของจำเลยที่ว่า โจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์จึงมีเค้ามูลว่าจะไม่ใช่ความจริง และโจทก์นำสืบชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า ความจริงโจทก์มิได้ไปทำการลักทรัพย์ของจำเลย จึงเห็นว่าคดีของโจทก์ฐานแจ้งความเท็จมีมูล พิพากษาแก้ให้รับประทับฟ้องในข้อหาฐานแจ้งความเท็จไว้พิจารณา นอกนั้นให้บังคับคดีตามเดิม.

Share