คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเข้าไปขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 ในที่ดินพิพาทเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้กระทำสืบเนื่องติดต่อกันเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงได้โดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินพิพาทมีชื่อจีนกากับอำแดงเคลื่อนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต่อมาจีนกากับอำแดงเคลื่อนถึงแก่ความตาย นายเล็ก นางแต้ม นายถัด และนางริ้ว ซึ่งเป็นทายาทได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นส่วนสัดเท่า ๆ กันคนละประมาณ1 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา เมื่อประมาณปี 2512 นางแต้มขายที่ดินส่วนที่ครอบครองให้แก่ผู้ร้องโดยไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมาย แต่ได้มอบที่ดินให้ผู้ร้องครอบครอง ซึ่งผู้ร้องก็ครอบครองต่อมาโดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนปัจจุบันเป็นเวลา 19 ปี แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ที่ดินส่วนที่ผู้ร้องครอบครองจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นหลานของนางแต้มส่วนผู้ร้องเป็นบุตรเขยของนางริ้ว และอาศัยอยู่ในที่ดินส่วนของนางริ้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่านางแต้มขายที่ดินส่วนของนางแต้มให้แก่ผู้ร้องตั้งแต่ปี 2512 นั้น ไม่เป็นความจริง นางแต้มปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวมากับสามีจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน2 คน ภายหลังเมื่อบุตร 2 คน แต่งงานแยกครอบครัวออกไปแล้วนางแต้มกับสามีก็ยังอยู่ในที่ดินต่อมาจนกระทั่งสามีถึงแก่ความตายส่วนนางแต้มก็ยังอยู่ในที่ดินตลอดมา ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเชื่อว่า นางแต้มไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้อง เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินพิพาทนั้นผู้ร้องเบิกความว่า ได้เข้าไปครอบครองโดยปลูกมะเขือเทศ อ้อยมะพร้าว มะม่วง แต่ก็ไม่ได้ผล จึงขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517และได้ดูดทรายขายในปี 2526 การเข้าไปปลูกต้นไม้ ไม่ได้ความแน่ชัดว่าเป็นเวลานานเท่าใด การตักดินขาย การดูดทรายขาย เป็นการเข้าไปเพียง 2 ครั้ง เท่านั้น หลังจากขุดหน้าดินและดูดทรายแล้ว ผู้ร้องจะเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างไรไม่ปรากฏ ทั้งนี้เพราะเมื่อมีการขุดหน้าดินและดูดทรายแล้วคงไม่เหมาะสมที่จะทำการเพาะปลูกอีกต่อไป ซึ่งนางแคและนางสุขพยานผู้คัดค้านเบิกความว่านอกจากดูดทรายแล้วไม่เคยเห็นผู้ร้องทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทคงทิ้งไว้เฉย ๆ จึงเชื่อได้ว่า ผู้ร้องไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทจริงและตามทางนำสืบของผู้ร้องก็ได้ความว่าขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 เพียง 2 ครั้ง เท่านั้นไม่ได้กระทำสืบเนื่องติดต่อกัน ทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงได้โดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง

Share