แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องก่อน จึงจะพิจารณาสั่ง ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงยืนยันไม่เสียค่าขึ้นศาลตามที่มีคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีของโจทก์ในชั้นฎีกาเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์เนื่องจากโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา โดยโจทก์ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่โจทก์ไม่ได้ฎีกาให้ ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี กรณีเช่นนี้โจทก์จึงต้อง เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท การที่ศาลชั้นต้นสั่ง ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพิ่ม แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติ ตามและศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ จึงเป็นการ คลาดเคลื่อน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 58)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้เพิกถอนการให้ที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย ครึ่งหนึ่งในส่วนของจำเลยในที่ดินตามหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3747 ตำบลสังเม็กอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินครึ่งหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3 ก ดังกล่าวให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นเจ้าของรวมกับ นางสาวนงลักษณ์ พันกิ่งทิพย์ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาโดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล ให้ถูกต้อง โจทก์ยื่นคำแถลงให้ศาลเพิกถอนคำสั่งและยื่น คำแถลงยืนยันไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 56,57 แผ่นที่ 1 และแผ่นที่ 2)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58)
คำสั่ง
คดีนี้โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้วให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่โดยไม่ได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ชอบแล้ว ให้ยกคำสั่งไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ พิจารณาฎีกาของโจทก์ใหม่ในเนื้อหา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 และ 247
