แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้ายึดถือครอบครองก่อสร้างและก่อสร้างที่พัก ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 จำเลยจึงมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจเข้าไปยึดถือครอบครองก่อสร้างและก่อสร้างที่พัก ทำให้เสื่อมสภาพที่ดินที่เขาพลอยแหวนซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา เป็นเนื้อที่17 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวาโดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครอง และมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งที่ดินดังกล่าวก็มิได้รับคำรับรองจากนายอำเภอท้องที่ว่าได้ทำประโยชน์แล้ว อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนประมวลกฎหมายที่ดิน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องกำหนดเขตหวงห้ามที่เขาหรือภูเขา ตามความในมาตรา 9(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องนั้นจำเลยซื้อมาได้ 1 ปีเศษ เป็นที่มี ส.ค.1 เจ้าของเดิมปลูกยางพารามา 40 ปีเศษแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า ที่พิพาทอยู่ตีนเขาพลอยแหวนจัดเป็นที่ภูเขาหรือที่เขาดังโจทก์ฟ้อง นายพุ่มมีสิทธิครอบครองที่พิพาทมาแต่แรก นายพุ่มสละสิทธิในที่พิพาทให้แก่จำเลย และจำเลยครอบครองต่อมาสืบแทนนายพุ่ม สิทธิครอบครองนี้มีมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน จำเลยจึงมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1164/2503 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่เขาหรือภูเขาซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเป็นเขตหวงห้ามไว้แล้วนายพุ่มมีสิทธิครอบครองเพียง 6 ไร่ 5 วา ตามเนื้อที่ใน ส.ค.1 ที่แจ้งไว้ ที่พิพาทนอก ส.ค.1 นั้น นายพุ่มเจตนาสละสิทธิครอบครองที่พิพาทส่วนนั้นแล้ว การโอนระหว่างนายพุ่มกับจำเลยไม่มีผลตามกฎหมายเพราะมิใช่ที่ดินที่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้วจำเลยกล่าวอ้างไม่ได้ว่าตนมีสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยเจตนาไม่สุจริตในการเข้ายึดถือครอบครองที่พิพาท คำพิพากษาฎีกาที่ศาลชั้นต้นอ้างไม่ตรงกับรูปคดีนี้พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9, 108 ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องกำหนดเขตหวงห้ามที่เขาหรือภูเขา ตามความในมาตรา 9(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้ปรับเป็นเงินสี่ร้อยบาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยฎีกาว่า ที่พิพาทมิได้อยู่ในปริมณฑล 40 เมตร ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย นายพุ่มมีสิทธิครอบครองที่พิพาททั้งแปลง จำเลยมีสิทธิเช่นเดียวกับนายพุ่ม จำเลยซื้อที่พิพาทจากนายพุ่มโดยสุจริต
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่เขาพลอยแหวนซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษาตามฟ้อง และทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ไม่ได้ การซื้อขายที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 จำเลยไม่อาจยกการครอบครองที่พิพาทขึ้นต่อสู้แก่รัฐได้ จำเลยเข้ายึดถือครอบครองก่อสร้างและก่อสร้างที่พักทำให้เสื่อมสภาพที่ดินที่เขาพลอยแหวนซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษาโดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดและลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน