คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับด้วย แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ทั้งกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษซึ่งเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาแห้ง 71 มัด หนัก 1,312.50 กรัม ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 6, 7, 8, 26, 102 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 4,000 บาทจำเลยรับสารภาพ กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 9 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 2 เดือนต่อครั้งมีกำหนด 1 ปี

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยสถานหนักโดยไม่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษ และงดรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือน และปรับด้วยแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ทั้งกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษซึ่งถือได้ว่าเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงย่อมต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share