คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมา และพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา อาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีนั้นจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้
การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือจะให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลาง พนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์จำนวน ๑๑ ล้านบาทเศษ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทองคำของจำเลยหนัก ๒๕ กิโลกรัม ราคาประมาณ ๑๐ ล้านบาท ซึ่งกรมศุลกากรรักษาไว้ ต่อมาผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องเป็นพนักงานสอบสวนคดีที่นายโกศลจำเลยในคดีนี้กับพวกต้องหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร ผู้ร้องในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนได้ยึดทองคำหนัก ๒๘,๕๘๖.๙ กรัมจากผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นของกลางและเก็บรักษาไว้ที่กรมศุลกากร ต่อมาพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องเห็นว่าทองคำดังกล่าวเป็นของกลางในคดีอาญา จำเป็นต้องใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบคดีจนกว่าคดีถึงที่สุด ขอให้ศาลเพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการดำเนินคดีอาญา และให้ยกเลิกหมายบังคับคดี ให้ใช้หมายอายัดแทน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ยกเลิกหมายบังคับคดีและไม่ต้องออกหมายอายัดทองคำรายนี้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมาพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าว ศาลยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ริบแต่อย่างใดและถึงแม้จะมีบุคคลอื่นอ้างต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นเจ้าของทองคำนั้น ก็ย่อมเป็นสิทธิของผู้นั้นที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ เอง จึงไม่มีเหตุให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้ ส่วนที่โจทก์ขอให้บังคับคดีต่อไปนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๙๒(๒) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อศาลว่า ทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลางพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว
พิพากษายืน

Share