คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่เข็ญให้รับว่ารับจ้างมาฆ่าจำเลย ขณะผู้เสียหายถูกกักขังคือ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม2505 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางวัน เท่านั้นส่วนวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นนั้น โจทก์คงระบุยืนยันไว้ชัดแจ้งในตอนต้นว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณา ข้อแตกต่างในเรื่องวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนี้เป็นข้อสารสำคัญซึ่งตามกฎหมายให้ศาลต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำผิดทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับความอาญา และทำพยานหลักฐานเท็จ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173, 174, 179, 295, 309, 310, 83, 91

จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 จำคุก 6 เดือนฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามมาตรา 309 วรรคสอง, 83 จำคุก 1 ปี ฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 179, 83 จำคุก 6 เดือน ฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 174, 83 จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนลดโทษให้ 1 ใน 3 คงลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน สำหรับจำเลยที่ 2, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ลงโทษตามมาตรา 295, 83 ให้จำคุกคนละ 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 ทำผิดตามมาตรา 179, 83 ให้จำคุก 6 เดือน ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน

โจทก์และจำเลยทั้ง 9 คนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่าวันที่โจทก์บรรยายไว้ตอนต้นจะผิดพลาด แต่ฟ้องโจทก์ยังได้กล่าวรายละเอียดอีกว่าจำเลยร่วมกันขู่เข็ญขืนใจนายฉวีขณะที่ถูกกักขังอยู่ตามฟ้องข้อ ข. แล้วจำเลยจึงได้จดบันทึกข้อความเท็จอันเป็นหลักฐานในคดีอาญาขึ้น แสดงว่าการกระทำผิดต่อเนื่องกันยังไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะตามที่โจทก์บรรยายฟ้องดังนั้นก็เพื่อขยายความให้เห็นว่านายฉวีถูกจำเลยขู่เข็ญให้รับว่ารับจ้างมาฆ่าจำเลยขณะนายฉวีถูกกักขังคือ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2505 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางวัน เท่านั้น ส่วนวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นนั้น โจทก์คงระบุยืนยันไว้ชัดแจ้งในตอนต้นว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาข้อแตกต่างในเรื่องวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนี้เป็นข้อสารสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 ให้ศาลยกฟ้อง

เหตุนี้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้น โดยลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 หกเดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือนนั้น ยังไม่ชอบ

อนึ่ง คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นพิพากษาให้เป็นประโยชน์ถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งศาลล่างพิพากษาลงโทษไปแล้วด้วย

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่เกี่ยวกับความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นความเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้นนั้นเสีย คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้เพียง 1 ปี 2 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ปล่อยตัวไปนอกจากที่แก้นี้แล้ว ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share